ข่าวสารรถยนต์ ข่าวรถใหม่ อัพเดททุกวัน
ข่าวสารรถยนต์ ข่าวรถใหม่ อัพเดททุกวัน ให้คุณไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวของวงการ รถยนต์
วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556
ADRENALINE CALLING ประสบการณ์เร้าใจกับ The New Lexus IS
เลกซัสกรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เผยโฉมยนตรกรรมสปอร์ตซีดานหรูระดับโลก เลกซัส IS ใหม่ ที่ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยีเหนือระดับ ควบคู่ไปกับที่สุดแห่งศาสตร์ของการออกแบบ และ คุณภาพแห่งวิศวกรรมการผลิตระดับโลก เพื่อลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสล่าสุด
ปลุกสัญชาตญาณสปอร์ตในตัวคุณ กับรถสปอร์ตซีดานหรูเหนือระดับ เลกซัส IS ใหม่ ผสานความสปอร์ตเข้ากับเทคโนโลยีล้ำหน้า รวมถึงความประณีตพิถีพิถันในทุกรายละเอียด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ด้านหน้าแบบ Spindle Grille ที่มาพร้อมความปราดเปรียวลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์เลกซัส และสุดยอดเทคโนโลยีอันก้าวล้ำจากเลกซัส ตอบสนองทุกความต้องการของทุกการเดินทาง กับสุดยอดแห่งพลังการขับเคลื่อนในระบบไฮบริดกับ IS300h พร้อมกับทางเลือกแห่งประสบการณ์สปอร์ตกับ IS250 F-Sport
IS 300h
ที่สุดแห่งขุมพลังการขับเคลื่อน
เครื่องยนต์ 2.5L Hybrid System DOHC 16V VVT-i (2AR-FSE)
ประหยัดพลังงานไปพร้อมกับการขับขี่ที่เหนือชั้น ด้วยระบบไฮบริด เครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 6000 รอบต่อนาที จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ D-4S EFI ประสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงให้กำลังรวมทั้งระบบ 223 แรงม้า
ระบบการขับเคลื่อน
ชุดเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับสนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบเกียร์อัจฉริยะ S-Mode พร้อมตอบสนองการขับขี่ในรูปแบบของคุณ ได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ Normal สำหรับการขับขี่แบบปกติ Eco สำหรับความประหยัดสูงสุดแห่งการขับเคลื่อน และ Sport สำหรับการขับประสบการณ์แห่งความสปอร์ตเร้าใจ
สัมผัสมิติใหม่แห่งสปอร์ตซีดาน เหนือระดับ
Daytime Running Light ไฟขับขี่ในเวลากลางวันเพื่อเพิ่มความปลอดภัย พร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยวบ่งบอกตัวตนแห่งความสปอร์ตอย่างแท้จริง
Spindle Grille สง่าสงามดึงดูดทุกสายตาด้วยกระจังหน้าดีไซน์โดดเด่นแบบ 3 มิติ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเลกซัส
ไฟท้ายแบบ LED เพื่อให้รถที่วิ่งตามมาสังเกตเห็นได้ชัดเจนเมื่อมีการเบรกกระทันหัน พร้อมดีไซน์แบบ L-Shape รับกับเส้นสายที่โค้งเว้าของตัวรถอย่างลงตัว
ตอบรับความสะดวกสบาย ยากที่ใครจะเสมอเหมือน
พื้นที่วางขาที่กว้างขึ้น รื่นรมย์ในทุกการเดินทาง สัมผัสความสบายที่มากกว่าไปกับห้องโดยสารที่มีขนาดกว้างขึ้น
Multi Information Display จอแสดงผลการทำงานขนาด 4.2 นิ้ว ที่เชื่อมต่อการทำงานกับโทรศัพท์มือถือและรายการเพลงที่ฟัง พร้อมสวิทช์ควมคุมจากพวงมาลัย
หน้าจอ EMV ขนาด 7 นิ้วพร้อมระบบควบคุมมัลติฟังก์ชัน สะดวกล้ำกับเทคโนโลยี สั่งการที่ง่าย แม่นยำ และรวดเร็ว โดยการคลิกเมาส์เพียงปลายนิ้วสัมผัส
มั่นใจทุกเส้นทางกับการขับขี่ที่มาพร้อมความปลอดภัยสูงสุด
VDIM (Vehicle Dynamics Integrated Management)
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยคือสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย IS เล็งเห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยที่จะพาคุณไปสู่ทุกจุดหมาย ด้วยระบบจัดการรวมไดนามิคของตัวรถ VDIM (Vehicle Dynamics Integrated Management) จะทำหน้าที่ประสานการทำงานของระบบความปลอดภัยต่างๆของตัวรถ เพื่อให้ผู้ขับและผู้โดยสารมั่นใจได้ในความปลอดภัยสูงสุด
TRC (Traction Control)
ระบบปัองกันการลื่นไถลช่วยเพิ่มความสามารถในการยึดเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม ในสภาพถนนที่ลื่นหรือพื้นผิวขรุขระ
VSC (Vehicle Stability Control)
ระบบควบคุมการทรงตัวของรถจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้รถสูญเสียการทรงตัว ในการหักเลี้ยวอย่างรวดเร็ว หรือเกิดการลื่นไถล
ABS (Anti-lock Brake System)
ระบบป้องกันล้อล็อค ทำงานประสานกับระบบกระจายแรงเบรกให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างแม่นยำ แม้ในการเบรกกระทันหัน
EBD (Electronic Brake force Distribution)
ระบบกระจายแรงเบรกจะทำงานประสานกับระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อค (ABS) เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีการกระจายแรงเบรกไปยังล้อทั้งหมดอย่างสมดุลเหมาะสม
SRS Airbags (Supplemental Restraint System Airbags)
เสริมสมรรถนะความปลอดภัยด้วยระบบถุงลมเสริมความปลอดภัยที่ทำหน้าที่ปกป้องคุณในกรณีที่เกิดการชน ที่มาพร้อมถุงลมเสริมความปลอดภัย สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า บริเวณหัวเข่า บริเวณด้านข้าง และม่านถุงลมเสริมความปลอดภัย 5 ใบ ช่วยลดอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
IS 250 F-Sport*
รุ่น F-Sport คือที่สุดแห่งดีไซน์จากเลกซัส IS ที่มาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Spindle Grille ที่ดุดันและโดดเด่นเหนือใคร พร้อมกับชุดแต่ง F-Sport รอบคันเพิ่มความรู้สึกในการขับขี่ให้ปราดเปรียวยิ่งขึ้น และตอกย้ำความหรูล้ำกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ให้ความสปอร์ตเป็นหนึ่งเดียวกับคุณ ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารจะสัมผัสได้ถึงความสมบูรณ์แบบ ด้วยเบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตที่ตัดเย็บอย่างประณีต ทุกรายละเอียดถูกออกมาแบบเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายและการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมที่จะพาคุณสู่ประสบการณ์แห่งความสปอร์ตเหนือระดับ
2.5L V6 DOHC 24V VVT-i (4GR-FSE)
ชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมระบบเกียร์อัจฉริยะ M-Mode ทะยานล้ำเต็มสมรรถนะแห่งความสปอร์ตที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 DOHC VVT-i ขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 207 แรงม้าที่ 6400 รอบต่อนาที พร้อมปลุกเร้าทุกโสตประสาทไปกับ Engine Sound Creator เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัส
ระบบการขับเคลื่อน
ตอบรับทุกสภาวะการขับขี่ ที่เลือกปรับได้ 4 โหมด ได้แก่ โหมด Normal สำหรับการขับขี่แบบปกติ โหมด Eco สำหรับความประหยัดสูงสุด โหมด Sport สำหรับการขับประสบการณ์แห่งความสปอร์ต เร้าใจ และโหมด Sport S+ ที่จะผสานการทำงานกับระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน (AVS – Adaptive Variable Suspension) เพื่อคงสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมและการตอบสนองต่อพวงมาลัยที่แม่นยำ
มาตรวัดความเร็ว TFT LCD ขนาด 8 นิ้ว
ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมาตรวัด LFA พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่อย่างเหนือชั้น
เลือกจับจองเป็นเจ้าของยนตรกรรมสปอร์ตซีดานหรูด้วย 10 สีภายนอก
• White Pearl Crystal Shine**
• White Nova Glass Flake***
• Mercury Grey Mica
• Platinum Silver Metallic
• Sonic Titanium
• Black
• Starlight Black Glass Flake
• Red Mica Crystal Shine
• Exceed Blue Metallic***
• Lapis Lazuli Mica**
3 สีภายใน
• Black
• Topaz Brown**
• Dark Rose***
3 รุ่นให้คุณครอบครอง
• IS250 (F-Sport)
• IS300h (Premium package)
• IS300h (Luxury package)
รถยนต์เลกซัสทุกคันที่ซื้อกับผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะได้รับการรับประกัน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมอุ่นใจกับความพร้อมในการให้บริการลูกค้าเลกซัสต่างจังหวัด สำหรับ ศูนย์บริการรถยนต์เลกซัสอย่างเป็นทางการ Lexus Exclusive Service Corner ณ โชว์รูมโตโยต้าจังหวัดเชียงใหม่ ,ขอนแก่น, อุบลราชธานี, สุราษฎร์ธานี และ ภูเก็ต
พร้อมนำเสนอประสบการณ์เร้าใจ สำหรับผู้ครอบครอง “เลกซัส IS ใหม่” ที่ผู้แทนจำหน่าย เลกซัส อย่างเป็นทางการทั้ง 3 แห่งเท่านั้น
- เลกซัส กรุงเทพ (พระราม 9) โทร. 0 2716 8999
- เลกซัส สุขุมวิท (ซอย 18) โทร. 0 2260 8123
- เลกซัส รามอินทรา (กม. 2) โทร. 0 2521 1111
เชิญสัมผัสตัวจริงของสุดยอดสปอร์ตซีดาน เลกซัส IS 300h ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 ได้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2556 ที่ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี
ป้ายกำกับ:
รถยนต์เลกซัส,
รถสปอร์ตซีดาน,
เลกซัส,
เลกซัส IS ใหม่,
IS250 F-Sport,
IS300h
วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556
เปิดตัว NITTO 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2013 กว่า 30 คัน เข้าร่วมประลองความเร็ว
อีซูซุจับมือฟาร์อีส ยูไนเต็ด มอเตอร์สปอร์ต ยางรถยนต์ NITTO และแบตเตอรี่ 3K สนับสนุนการแข่งขัน “NITTO 3K BIG THAILAND RACING CAR 2013” สร้างไฮไลต์สั่นสะเทือนวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทยกับการเปิดตัวรถแข่งรุ่น “NITTO 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2013” ที่มีจำนวนรถเข้าแข่งขันมากที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่ง ONE MAKE RACE ของประเทศไทยถึง 30 คัน ร่วมแข่งขันกัน 6 สนามแบบออนทัวร์ไปยังหัวเมืองต่างๆ เต็มรูปแบบ โดยมีนักแข่งมือใหม่อย่าง “ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย” นักร้อง-นักแสดงหนุ่มมากความสามารถ และ “โดม-ราชนันทร์ คุณาริยานุกูล” ศิลปินวงแบล็ควนิลา เข้าร่วมการแข่งขันนี้อีกด้วย
มร.ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “การเพิ่มขึ้นของจำนวนรถแข่งในรายการ “NITTO 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2013” มากถึง 30 คัน ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “NITTO 3K BIG THAILAND RACING CAR 2013” ที่สะเทือนวงการมอเตอร์สปอร์ต เนื่องจากมีจำนวนรถเข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันแบบ ONE MAKE RACE ในประเทศไทย ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเหล่านักแข่งที่มีต่อรถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ซึ่งเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะการขับขี่ เป็นที่ยอมรับในสนามแข่ง รวมถึงความยอดเยี่ยม ทนทานของเครื่องยนต์และตัวรถ ที่พร้อมลุยถึง 6 สนามแบบออนทัวร์ เนื่องจากรถแข่งในรุ่นนี้ทั้งหมดใช้รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ สเปซแคบ” เครื่องยนต์ 2500 ดีดีไอ ซูเปอร์คอมมอนเรล ภายใต้มาตรฐานเดียวกันคือไม่ได้ปรับแต่งเครื่องยนต์หรือระบบส่งกำลังแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมอบชุดแต่งมอเตอร์สปอร์ตรวมทั้งรายการอะไหล่พิเศษ รวมมูลค่าชุดแต่งกว่า 330,000 บาท สำหรับผู้เข้าแข่งขันทั้ง 30 ท่าน ในปีนี้ยังมีนักแข่งหน้าใหม่มาร่วมสร้างสีสันเพิ่มเติมจากปีที่ผ่านมา อาทิ “ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย” นักร้องและนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ รวมถึงมือเบสหนุ่มวงแบล็ควานิลลา “โดม-ราชนันทร์ คุณาริยานุกูล” ที่ติดใจเข้าแข่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งอีซูซุเชื่อมั่นว่ารถแข่งในรายการ “NITTO 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2013” ทั้ง 30 คันนี้จะมอบประสบการณ์การแข่งขันที่ดีเยี่ยมให้กับนักแข่งทุกท่านอย่างแน่นอน”
รถแข่ง
“NITTO 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2013” จะลงสนามแข่งขันทั้งหมด 6 สนามแบบออนทัวร์ไปยังหัวเมืองต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบ เริ่มประเดิมสนามแรกในวันที่ 8-10 มี.ค. ศกนี้ ณ สนามโบนันซ่า สปีดเวย์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา จัดต่อเนื่องแบบเดือนเว้นเดือนเพื่อเก็บคะแนนในแต่ละสนาม จนถึงสนามสุดท้ายรอบชิงชนะเลิศช่วงปลายปี 2556 เพื่อชิงถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ รางวัลรวม 100,000 บาทกำหนดการแข่งขันในแต่ละสนามของปี 2556
สนามที่ 1 วันที่ 8-10 มีนาคม ณ สนามโบนันซ่า สปีดเวย์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา
สนามที่ 2 วันที่ 3-5 พฤษภาคม ณ สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พัทยา จ. ชลบุรี
สนามที่ 3 วันที่ 5-7 กรกฎาคม ณ สนามแก่งกระจานเซอร์กิต จ. เพชรบุรี
สนามที่ 4 วันที่ 6-8 กันยายน ณ สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พัทยา จ. ชลบุรี
สนามที่ 5 วันที่ 1-3 พฤศจิกายน ณ สนามโบนันซ่า สปีดเวย์ เขาใหญ่ จ. นครราชสีมา
สนามที่ 6 วันที่ 6-8 ธันวาคม ณ สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พัทยา จ. ชลบุรี
ขอเชิญทุกท่านร่วมพิสูจน์ความมันและความแรงแบบสะใจในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบของรถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ในรายการ “NITTO 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2013” ของแต่ละสนามอย่างใกล้ชิดได้ตลอดปี หรือติดตามการแข่งขันได้ที่ www.allnewisuzud-max.com และ facebook.com/allnewisuzudmax
YOKOHAMA เปิดตัว BluEarth AE01 นุ่มเงียบ สมรรถนะเยี่ยม เกาะถนนหนึบ
YOKOHAMA รุกตลาดเก๋งเล็ก เปิดตัวยางรุ่นใหม่ BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) ชูจุดเด่นรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้สมรรถนะดีเยี่ยม เกาะถนนหนึบอย่างมั่นใจ นุ่มนวลและเงียบ ช่วยประหยัดน้ำมันและตอบสนองทุกภาวะการขับขี่ รองรับกลุ่มรถยอดนิยมทั้งอีโคคาร์, ซิตี้คาร์ และซับคอมแพ็คคาร์หลายรุ่น ตั้งเป้าขาย 50,000 เส้นภายในสิ้นปี 2556 พร้อมแนะค่ายผู้ผลิตใช้กลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อรับมือยางคุณภาพต่ำราคาถูกจากจีนที่เข้ามาตีตลาด ส่งผลให้เกิดการแข่งขันอย่างดุเดือด
เนื้อยางสูตรใหม่นี้ ช่วยลดการเกิดความร้อนจากตัวยาง ผสานคุณสมบัติลดการสูญเสียพลังงาน ทำให้ค่าความต้านทานการหมุนลดลง ช่วยลดการสึกแบบไม่เรียบทั้งด้านในและด้านนอกของยาง ขณะที่ซิลิก้าที่กระจายตัวอยู่ในเนื้อยาง จะช่วยควบคุมความร้อนส่วนเกินและเพิ่มแรงยึดเกาะบนผิวถนนเปียก และด้วยเทคโนโลยีของการผลิต ทั้งในส่วนของลายดอกยาง ที่ผสานกับนวัตกรรมอันล้ำสมัยของ YOKOHAMA ส่งผลให้เพิ่มความนุ่มนวลขณะขับขี่ ด้วยการใช้หลักการกระจายความถี่ของเสียง เพื่อช่วยลดเสียงจากยางและพื้นถนนขณะขับขี่ ลดเสียงรบกวนด้วยดอกยาง ขนาด ระดับความดังของเสียงลดลงจากการกระจายคลื่นความถี่ของเสียง
การเปิดตัวแนะนำยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) ครั้งนี้ มร.ยูทากะ ฟูรูกาวา กล่าวย้ำว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ YOKOHAMA หันมาทำตลาดยางรถยนต์นั่งขนาดเล็ ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ของเมืองไทยอย่างจริงจัง โดยจะใช้กลยุทธ์สื่อสารทางการตลาดเพื่อให้กลุ่มลูกค้ารับรู้ถึงประสิทธิภาพและสมรรถนะรวม จุดเด่นในด้านต่างๆของยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งทีวี, วิทยุ, สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ รวมถึงโซเชียลมีเดีย พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนี้ เป็นต้นไป ณ ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายยางรถยนต์ YOKOHAMA กว่า 260 แห่ง และศูนย์บริการยางมาตรฐาน YCN หรือ (YOKOHAMA Club Network) ทั่วประเทศไทย
“ตั้งเป้ายอดขายยางรุ่นนี้ไว้ที่ 50,000 เส้นภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายที่บริษัทตั้งเป้าไว้ 350,000 เส้นในปีนี้ เนื่องจากยาง A.drive ที่เคยทำตลาดมาก่อนหน้า ไม่เคยเน้นการโปรโมตเท่ากับ BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) สามารถประสบความสำเร็จทางยอดขาย อีกทั้ง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) เป็นยางรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงกว่าในทุกๆ ด้าน ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น เสียงรบกวนน้อย โครงสร้างยางมีน้ำหนักเบา ช่วยให้การขับขี่โดยรวมดีขึ้น ยึดเกาะถนน มั่นใจในทุกสภาวะของถนน โดยส่วนตัวมั่นใจว่าจะทำยอดขายได้มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ จึงจัดแคมเปญมอบให้แก่ผู้ใช้ในช่วงเปิดตัวแนะนำ เมื่อเปลี่ยนยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) 4 เส้น รับฟรีกระเป๋าสะพายพรีเมียมที่จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะ”
ส่วนสถานการณ์ตลาดยางรถยนต์เมืองไทยที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง เนื่องจากยางรถยนต์คุณภาพต่ำราคาถูกจากประเทศจีนที่เข้ามาแข่งขันในตลาดนั้น มร.ยูทากะ ฟูรูกาวา กล่าวว่า จะไม่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ YOKOHAMA เนื่องจากอยู่คนละเซกเมนท์ แต่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาพรวมตลาดยางรถยนต์เมืองไทยอย่างแน่นอน
เนื้อยางสูตรใหม่นี้ ช่วยลดการเกิดความร้อนจากตัวยาง ผสานคุณสมบัติลดการสูญเสียพลังงาน ทำให้ค่าความต้านทานการหมุนลดลง ช่วยลดการสึกแบบไม่เรียบทั้งด้านในและด้านนอกของยาง ขณะที่ซิลิก้าที่กระจายตัวอยู่ในเนื้อยาง จะช่วยควบคุมความร้อนส่วนเกินและเพิ่มแรงยึดเกาะบนผิวถนนเปียก และด้วยเทคโนโลยีของการผลิต ทั้งในส่วนของลายดอกยาง ที่ผสานกับนวัตกรรมอันล้ำสมัยของ YOKOHAMA ส่งผลให้เพิ่มความนุ่มนวลขณะขับขี่ ด้วยการใช้หลักการกระจายความถี่ของเสียง เพื่อช่วยลดเสียงจากยางและพื้นถนนขณะขับขี่ ลดเสียงรบกวนด้วยดอกยาง ขนาด ระดับความดังของเสียงลดลงจากการกระจายคลื่นความถี่ของเสียง
ยางรถยนต์
“BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) มีให้เลือกตั้งแต่ขอบ 13 ถึงขอบ 16 นิ้ว รวม 25 ขนาด มีราคาจำหน่าย 1,700-3,400 บาท ตอบสนองความต้องการของตลาดเมืองไทยและในภูมิภาคอาเซียนอย่างครบถ้วน ครอบคลุมรถยนต์อีโคคาร์ ซิตี้คาร์ และซับคอมแพ็คคาร์ เป็นยางที่นำมาทดแทนรุ่น A. drive ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยางในกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อมรุ่นที่ 2 ของบริษัทในตลาดเมืองไทย แต่มีคุณสมบัติยึดเกาะถนนเพิ่มขึ้น 20% สามารถสะท้อน DNA ยางที่เปี่ยมสมรรถนะของ YOKOHAMA อีกรุ่นหนึ่ง ถูกเปิดตัวครั้งแรกที่ยุโรป ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้ในหลายประเทศ โดยสถาบันทดสอบยางรถยนต์ชั้นนำของเยอรมนี (TUV) ได้ทดสอบประสิทธิภาพยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) และออกเอกสารรับรองว่า มีประสิทธิภาพเหนือกว่ายางแบรนด์ดังๆ ระดับโลกที่คนไทยรู้จักทุกยี่ห้อ”การเปิดตัวแนะนำยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) ครั้งนี้ มร.ยูทากะ ฟูรูกาวา กล่าวย้ำว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ YOKOHAMA หันมาทำตลาดยางรถยนต์นั่งขนาดเล็ ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ของเมืองไทยอย่างจริงจัง โดยจะใช้กลยุทธ์สื่อสารทางการตลาดเพื่อให้กลุ่มลูกค้ารับรู้ถึงประสิทธิภาพและสมรรถนะรวม จุดเด่นในด้านต่างๆของยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งทีวี, วิทยุ, สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ รวมถึงโซเชียลมีเดีย พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนี้ เป็นต้นไป ณ ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายยางรถยนต์ YOKOHAMA กว่า 260 แห่ง และศูนย์บริการยางมาตรฐาน YCN หรือ (YOKOHAMA Club Network) ทั่วประเทศไทย
“ตั้งเป้ายอดขายยางรุ่นนี้ไว้ที่ 50,000 เส้นภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายที่บริษัทตั้งเป้าไว้ 350,000 เส้นในปีนี้ เนื่องจากยาง A.drive ที่เคยทำตลาดมาก่อนหน้า ไม่เคยเน้นการโปรโมตเท่ากับ BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) สามารถประสบความสำเร็จทางยอดขาย อีกทั้ง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) เป็นยางรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงกว่าในทุกๆ ด้าน ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น เสียงรบกวนน้อย โครงสร้างยางมีน้ำหนักเบา ช่วยให้การขับขี่โดยรวมดีขึ้น ยึดเกาะถนน มั่นใจในทุกสภาวะของถนน โดยส่วนตัวมั่นใจว่าจะทำยอดขายได้มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ จึงจัดแคมเปญมอบให้แก่ผู้ใช้ในช่วงเปิดตัวแนะนำ เมื่อเปลี่ยนยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) 4 เส้น รับฟรีกระเป๋าสะพายพรีเมียมที่จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะ”
ส่วนสถานการณ์ตลาดยางรถยนต์เมืองไทยที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง เนื่องจากยางรถยนต์คุณภาพต่ำราคาถูกจากประเทศจีนที่เข้ามาแข่งขันในตลาดนั้น มร.ยูทากะ ฟูรูกาวา กล่าวว่า จะไม่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ YOKOHAMA เนื่องจากอยู่คนละเซกเมนท์ แต่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาพรวมตลาดยางรถยนต์เมืองไทยอย่างแน่นอน
วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556
มาสด้า จัดกิจกรรม ฮาสนุกลุ้นรับมาสด้า2 ลิมิเต็ด เอดิชั่น กับ พี่มาก…พระโขนง
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทุ่มทุนอีกครั้งกับผู้กำกับคนเดิม โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล จากค่าย GTH ผู้กำกับร้อยล้านที่กำลังจะส่ง “พี่มาก…พระโขนง” เข้าฉายในวันที่ 28 มีนาคมนี้
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า มาสด้าเน้นการตลาดที่เจาะเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยดำเนินกิจกรรมทางการตลาดที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่ม ที่สำคัญคือ การวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ในแต่ละโปรดักซ์นั้นมีความแตกต่างกันออกไป อาทิรถปิกอัพฮีโร่ มาสด้า บีที-50 โปร ก็จะเน้นการสื่อสารเพื่อตอกย้ำตำแหน่งทางการตลาดในแนวซูเปอร์ ฮีโร่ อย่างเรื่อง การสนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง The Avengers ขวัญใจเด็กๆ และครอบครัว ส่วนการสนับสนุนภาพยนตร์ หรือการทำโปรโมชั่นร่วมสำหรับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างเจรจาในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะเป็นภาพยนตร์จากต่างประเทศเช่นเดียวกัน ส่วนมาสด้า3 ภาพยนตร์ที่จะสนับสนุนก็จะออกไปแนวทางที่สะท้อนบุคลิกของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนวัยทำงาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นเดียวกับที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วจากภาพยนตร์ เรื่อง หรือ30+ โสด on Sales ส่วนมาสด้า2 ซึ่งเป็นรถขวัญใจวัยรุ่น นักศึกษา กลุ่มคนทำงานตอนต้น ก็จะมองหาภาพยนตร์ที่เข้ากับกลุ่มนี้ ซึ่งคราวนี้ เราได้จับมือกับทาง GTH และโรงภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟ สนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง พี่มาก…พระโขนง โดยผู้ชมภาพยนตร์ทุก 2 ที่นั่ง ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า, เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า และเอสเอฟซีเนม่า ซิตี้ ทุกสาขาทั่วประเทศ วันที่ 28 มี.ค. – 16 เม.ย. ได้ลุ้นเป็นเจ้าของสปอร์ตพรีเมียมใหม่ มาสด้า2 ลิมิเต็ด เอดิชั่น รุ่นสปอร์ต ที่โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED หนึ่งเดียวในคลาส จำนวน 1 คัน มูลค่า 691,000 บาท
พี่มาก…พระโขนง
ซึ่งหลายๆ คนที่เคยชมเรื่องนี้มาแล้วจากหลายๆ เวอร์ชั่นอาจจะมองว่ามาสด้า2 เข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องดังกล่าวเป็นการหยิบยกตำนานแม่นาคขึ้นมาทำใหม่ โดยมีการตีความในมุมมองของผู้กำกับที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นอื่นๆ ในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะพี่มากในเวอร์ชั่นนี้จะแตกต่างไปจากแนวเดิมๆ จะกลายเป็นหนังวัยรุ่น ที่ผสมผสานทั้งความฮามาก และความรักมากไว้ด้วยกันซึ่งก็ได้ดารานำอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ รับบทเป็น พี่มากที่รักเมียมาก และใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ รวมถึงแก๊งเพื่อนพี่มาก 4 คน เผือก (พงศธร จงวิลาส), เต๋อ (ฟรอยด์-ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์), ชิน (เชน-อัฒรุต คงราศรี), เอ (บอมบ์-กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข) ที่จะมาเรียกเสียงฮากระจาย ถึงแม้ว่าจะมีมุขตลกผสมอยู่ แต่ในส่วนของความรักเรื่องนี้ก็โรแมนติคสุดๆ ถือเป็นงานที่ทีมงานทุกคนจัดเต็มมาก สุรีทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ฉลองความสำเร็จ ส่งออกรถยนต์ฝีมือคนไทย ครบ 2 ล้านคัน
มร. โอซามุ มาสุโกะ ประธานบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีในโอกาสฉลองการส่งออกรถยนต์ที่ผลิตโดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ทุกรุ่นครบ 2 ล้านคัน ได้กล่าวแสดงความชื่นชมว่า “นับตั้งแต่ปี 2531 ที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทย และเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรก ที่มุ่งมั่นพัฒนาการผลิต ไปถึงขั้นการส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้ด้วยการผลิตฝีมือของคนไทย เราได้เปิดหน้าแรกของประวัติศาสตร์การส่งออกรถยนต์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2531 โดยการส่งรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมป์ จำนวน 420 คัน ไปจำหน่ายยังประเทศแคนาดา นับเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของไทยที่ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ และล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้บันทึกความสำเร็จอีกครั้ง ด้วยการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิทุกรุ่นที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย ครบจำนวน 2 ล้านคัน สะท้อนการเป็นฐานการผลิตที่มีคุณภาพสูงและได้มาตรฐานของโลก ซึ่งทำให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ตัดสินใจที่จะเสริมความแข็งแกร่งของหน่วยงานวิจัยและพัฒนาในประเทศไทย ภายใต้ภารกิจหลัก 3 ประการ ได้แก่ ประการแรก มุ่งพัฒนาคุณภาพของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างรวดเร็ว ประการที่สอง เพิ่มบทบาทในการพัฒนารุ่นไมเนอร์ เชนจ์ สำหรับตลาดเมืองไทย ด้วยการยกระดับการสรรหาชิ้นส่วน ประการที่สาม เพื่อค้นคว้าข้อมูลแนวโน้มการตลาดและเทคโนโลยี ในตลาดกลุ่มอาเซียน ซึ่งแนวทางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งครั้งนี้ จะนำมาซึ่งการถ่ายโอนงานด้านวิจัยและพัฒนาบางส่วน จากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น มายังมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย โดยมีแผนงานจะเพิ่มจำนวนวิศวกรทั้งไทยและญี่ปุ่นในสังกัดฝ่าย R&D จากปัจจุบัน 40 คนให้เป็น 120 คนในอนาคต และรวมถึงการเพิ่มเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ และสนามทดสอบรถยนต์ด้วย”
ก่อนหน้านี้ ในปี 2555 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ลงทุน 16,000 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งที่ 3 ในประเทศไทย เพื่อผลิตรถยนต์ขนาดเล็กตามโครงการโกลบอล สมอล์ ซึ่งตรงกับแนวทางการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานขนาดเล็กของรัฐบาลไทย โดยเริ่มต้นที่การผลิตรถมิตซูบิชิ มิราจ ด้วยกำลังการผลิตเบื้องต้น 150,000 คันต่อปี และเตรียมจะขยายการผลิตเพิ่มเป็น 200,000 คัน ภายในปีงบประมาณ 2556 นี้ โดยมีแผนงานจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ขนาดเล็กส่งไปจำหน่ายทั่วโลก สำหรับนโยบายการสร้างความแข็งแกร่งให้หน่วยวิจัยและพัฒนาในประเทศไทย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นระดับสูง ที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีต่อมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และทีมงานวิศวกรชาวไทย นับเป็นหน่วยงานวิจัยและพัฒนาแห่งแรกของมิตซูบิชิ ในทวีปเอเชีย
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
ได้บรรลุยอดการส่งออกรถยนต์ที่ผลิตจากประเทศไทยไปยังตลาดทั่วโลก ครบ 2 ล้านคัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยในจำนวนนี้ มีทั้งรถยนต์ประกอบสำเร็จรูป (CBU) แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง (แลนเซอร์ และ มิราจ) 95,726 คัน รถกระบะ (สตราดา แอล 200 และไทรทัน) 1,436,146 คัน และรถพีพีวี (ปาเจโร สปอร์ต) 181,464 คัน และชิ้นส่วนสำเร็จรูป (CKD) ประมาณ 300,000 คัน ปัจจุบันตลาดส่งออกหลักของรถยนต์สำเร็จรูป ได้แก่ กลุ่มประเทศอาเซียน ตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟริกา ออสเตรเลีย ขณะที่ตลาดส่งออกชิ้นส่วนสำเร็จรูป ได้แก่ แถบอเมริกาใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถกระบะก่อนหน้านี้ ในปี 2555 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ลงทุน 16,000 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งที่ 3 ในประเทศไทย เพื่อผลิตรถยนต์ขนาดเล็กตามโครงการโกลบอล สมอล์ ซึ่งตรงกับแนวทางการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานขนาดเล็กของรัฐบาลไทย โดยเริ่มต้นที่การผลิตรถมิตซูบิชิ มิราจ ด้วยกำลังการผลิตเบื้องต้น 150,000 คันต่อปี และเตรียมจะขยายการผลิตเพิ่มเป็น 200,000 คัน ภายในปีงบประมาณ 2556 นี้ โดยมีแผนงานจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ขนาดเล็กส่งไปจำหน่ายทั่วโลก สำหรับนโยบายการสร้างความแข็งแกร่งให้หน่วยวิจัยและพัฒนาในประเทศไทย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นระดับสูง ที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีต่อมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และทีมงานวิศวกรชาวไทย นับเป็นหน่วยงานวิจัยและพัฒนาแห่งแรกของมิตซูบิชิ ในทวีปเอเชีย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)