Aston Matin เปิดเผยรายละเอียดล่าสุดของ DB9 โมเดลปี 2013 ที่ยังคงความเป็น British Luxury Sports GT ไว้อย่างครบถ้วน ส่วนความเปลี่ยนแปลงของโมเดลใหม่นี้เกิดขึ้นในรายละเอียดตัวรถ เช่น ไฟหน้าที่เปลี่ยนเป็น Bi-Xenon เพื่อการส่องสว่างที่ชัดเจน เติมความดุดันลงไปด้วยดีไซน์กระจังหน้าแบบใหม่ที่วางต่ำ และกว้างขึ้น เพื่อรับลมไประบายความร้อนระบบเบรคคาร์บอนเซรามิคได้มากขึ้น เพิ่มมิติความกว้างของตัวรถขึ้นอีกสเต็ปด้วยการติดตั้ง Splitter ด้านล่างใต้กันชนหน้า ซึ่งทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ อันเป็นส่วนหนึ่งของชุดพาร์ท Carbon Pack โดยนอกจาก Splitter ด้านหน้าแล้ว ยังมี Diffuser หลัง, ครอบกระจกมองข้างคาร์บอน และท่อไอเสียโทนสีดำ ส่วนภายในห้องโดยสารก็จะประกอบด้วยแผงคอนโซลต่างๆ แป้นเปลี่ยนเกียร์ และมือจับเปิดประตู
ขยับเข้ามามองใกล้ๆ ในมุมมองด้านหน้าจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดูดุดันขึ้นด้วยชุดกันชนหน้าแบบใหม่ กับชิ้นงานการดีไซน์กระจังหน้านั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Hyper Car พันธ์หายากอย่าง One-77 เช่นในส่วนการวางลวดลายของกระจังหน้า ฝากระโปรงหน้าแบบเจาะช่องระบายอากาศ แก้มหน้าเจาะช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่ที่ติดตั้งชุดไฟ LED มาให้ในตัว ส่วนด้านหลังจะสังเกตเห็นถึงความกว้าง และมัดกล้ามที่เพิ่มขึ้นเพื่อสื่อสารถึงพละกำลังที่จะส่งผ่านไปยังล้อหลัง ซึ่งในส่วนของล้ออัลลอยด์นี้ไปเปลี่ยนไปใช้ชุดใหม่ขนาด 20 นิ้ว ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน
Aston Martin DB9
ภายในเรียบร้อย และหรูหราตามสไตล์ Aston Martin อัดแน่นไปด้วยการตกแต่งจากวัสดุหนังคุณภาพสูงเฉกเช่นเดียวกับรุ่น Virage ผลิตและทำขึ้นด้วยคุณภาพงานฝีมือล้วนๆ สวิทช์ควบคุมภายในห้องโดยสารงดงามโดยเฉพาะสวิทช์เกียร์ที่ทำมาจากแก้วเจียระไนจนมีลักษณะคล้ายเพชร มีออพชั่นให้ลูกค้าเลือกจ่ายเพิ่มเป็นเบาะนั่งสปอร์ตน้ำหนักเบา Aston Martin’s Lightweight Seats ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และเคฟล่าห์ ซึ่งเบาะนั่งทั้ง 2 ตัวจะมีน้ำหนักเพียง 17 กก. ทั้งยังออกแบบให้รองรับหลัง และไหล่ ช่วยให้นั่งสบายมากยิ่งขึ้น โดยไม่เสียทัศนวิสัยและอารมณ์ในการควบคุมสไตล์สปอร์ต ทางด้านพละกำลังนั้นมากับเครื่องยนต์ทรงพลังเจนเนอเรชั่นล่าสุด แบบ V12 ให้กำลังสูงสุดที่ 517 PS พร้อมแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ผลพวงจากการปรับปรุงเสื้อสูบ, ฝาสูบ, ระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual Variable Valve Timing ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น อัพเกรดปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ และท้ายสุดคือการจัดการกับท่อร่วมทางเดินไอดี และห้องเผาไหม้ซะใหม่ระบบเบรกของ Aston Martin DB9 ใช้แบรนด์ Brembo เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเลือกใช้แบบ CCM – Carbon Ceramic Matrix ทั้งในส่วนของดิสก์เบรก และคาลิปเปอร์เบรก ขนาดจานหน้า 398 มม. ด้านหลัง 360 มม. พร้อมระบบ ADS – Adaptive Damping System ที่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 สไตล์คือ Normal, Sport และ Track โดยในโหมด Normal ชุดโช๊คอัพอิเล็คทรอนิกส์จะปรับเซ็ทให้นุ่มนวลขับขี่สะดวกสบายโดยอัตโนมัติ ในขณะเดียวกันเมื่อเปลี่ยนเป็นโหมด Sport ชุดโช๊คอัพจะปรับหนืดมากขึ้น ระบบพวงมาลัยปรับให้ควบคุมได้อย่างเฉียบคมขึ้น สุดท้ายคือโหมด Track มีไว้สำหรับจัดหนักในสนามแข่งเพื่อความสะใจ