เชฟโรเลต มอบประสบการณ์เหนือความพิเศษให้แก่ชาว เชฟวี่ พลัส

เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดยคุณรับพร วรพล ผู้จัดการฝ่ายความบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าและดิจิตอลมาเกตติ้ง บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำขบวนครอบครัว ‘เชฟวี่ พลัส’ หรือลูกค้าเชฟโรเลต สัมผัสประสบการณ์เหนือความพิเศษในกิจกรรมแรลลี่ขับรถท่องเที่ยวกรุงเทพฯ – หัวหินภายใต้แนวคิด Chevy plus ความพิเศษตลอดทาง โดยตลอดทั้งทริป เชฟโรเลต ได้จัดกิจกรรมที่สร้างความประทับใจและสนุกสนานแบบไม่รู้ลืมไว้มากมาย ปิดท้ายด้วยการมอบทุนสนับสนุนการศึกษาให้กับโรงเรียนภัทราวดีมัธยมศึกษา(หัวหิน) เพื่อเป็นการสืบสานศิลปะวัฒนธรรมไทยอีกด้วย

โปรแกรม ‘เชฟวี่ พลัส’ เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าเชฟโรเลตทุกท่านด้วยแนวคิดให้ทุกวันเป็นวันพิเศษ โดยจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำในประเทศไทยเพื่อมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้า เชฟวี่ พลัส ไม่ว่าจะเป็นตั๋วชมภาพยนตร์แบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง พร้อม Movies Fast Lane เคาน์เตอร์พิเศษอำนวยความสะดวกเฉพาะชาวเชฟวี่ที่โรงภาพยนตร์เอสเอฟทุกสาขาทั่วประเทศ รับกาแฟฟรีที่ร้านคาเฟ่เมซโซ่ รับไอศกรีมฟรี 1 สกู๊ป ที่ร้าน Um..Milk ส่วนลดน้ำมัน 50 สตางค์ต่อลิตรที่สถานีบริการน้ำมันพีทีกว่า550 สาขา นอกจากนี้ ลูกค้าเชฟโรเลต ยังจะได้รับสิทธิล้างรถและทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์ฟรีเมื่อนำรถมาใช้บริการที่ศูนย์บริการเชฟโรเลตอีกด้วย

ไทยแลนด์ มอเตอร์ เฟสติวัล 2013 ครั้งแรกกับมหกรรมแสดงรถยนต์ประจำภูมิภาค

ครั้งแรกและงานเดียวของไทยพร้อมเต็มพิกัดกับมิติใหม่ของวงการ เปิดศักราชใหม่อย่างเร้าใจตอบรับกระแสตลาดรถยนต์ไทยที่กำลังพุ่งแรง ต้อนรับปี 2556 นับเวลารอเตรียมพบกับ ไทยแลนด์ มอเตอร์ เฟสติวัล 2013 (THAILAND MOTOR FESTIVAL 2013) มหกรรมงานแสดงรถยนต์ประจำภูมิภาค ที่เต็มไปด้วยการแสดงรถยนต์ รถกระบะ และจักรยานยนต์รุ่นใหม่ จากผู้ผลิตหลายสัญชาติทั้งเอเชียและยุโรป กำหนดจัดใน

5 ภาค 7 จังหวัด พร้อมแล้วกับการเปิดฉากความยิ่งใหญ่ เริ่มภาคแรก-ตะวันออกเฉียงเหนือ-ขอนแก่น คับคั่งไปด้วยสารพัดกิจกรรมความบันเทิงอันตื่นตาตื่นใจ และประเดิมโปรโมชั่นรับปีใหม่จากทุกบูท และลุ้นของรางวัลพิเศษมากมายตลอด 10 วัน กระหึ่มช่วง 8-17 กุมภาพันธ์ 2556 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจัดงานแถลงข่าวเปิดงาน ไทยแลนด์ มอเตอร์ เฟสติวัล 2013 อย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 ตั้งแต่เวลา 10.30 น.-12.30 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

ไทยแลนด์ มอเตอร์ เฟสติวัล 2013 มหกรรมงานแสดงรถยนต์ประจำภูมิภาค รวบรวมรถยนต์ รถกระบะ และจักรยานยนต์รุ่นใหม่ จากผู้ผลิตหลายสัญชาติทั้งเอเชียและยุโรป เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง นายจตุพร ขันมณี และ นายวิลักษณ์ โหลทอง ประธานการจัดงานร่วม ที่เห็นตรงกันว่าการจัดมหกรรมแสดงรถยนต์รุ่นใหม่ในระดับมาตรฐานสากล ควรจะกระจายออกสู่หัวเมืองใหญ่ทั่วไทย เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐที่ส่งเสริมให้ไทยเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคนี้ กำหนดจัดเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี

ไทยแลนด์ มอเตอร์ เฟสติวัล 2013 จัดใน 5 ภาค 7 จังหวัด ดังนี้ 8-17 กุมภาพันธ์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น,19–28 เมษายน เซ็นทรัลพลาซา สุราษฏร์ธานี,10-19 พฤษภาคม แปซิฟิค-พาร์ค ศรีราชา ชลบุรี, 9-18 สิงหาคม เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี, 7–17 กันยายน เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ, 18–27 ตุลาคม เซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซา เชียงใหม่ และ 14-23 ธันวาคม เซ็นทรัลพลาซา หาดใหญ่ ล้วนเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมฟรี

งานแรกจัดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น ช่วงวันที่ 8-17 ก.พ. 2556 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น โดยมีพิธีเปิดงานเป็นทางในวันที่ 8 ก.พ. 2556 ตลอดงานทั้ง 10 วัน เต็มไปด้วยการแสดงรถยนต์พร้อมจักรยานยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งใหม่ล่าสุด พร้อมสารพัดข้อเสนอพิเศษโดนใจและสารพันกิจกรรม ทั้งการร่วมกับหน่วยงานราชการจัดสัมมนาเชิงวิชาการแนวทางด้านการวางกลยุทธ์ธุรกิจ, การรวมตัวของคาร์คลับในขอนแก่นกับคาร์คลับพาเหรด, เล่นเกมส์ลุ้นรับของรางวัล, เร้าใจไปกับไฮไลต์พิเศษ ! กิจกรรมสุดฮอทโชว์ล้างรถจากดาราชื่อดังและสาวข้างบ้านสุดเซ็กซี่ FHM GND, มินิคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดังหมุนเวียนให้ความสนุกตื่นเต้น พร้อมหลากหลายกิจกรรมความบันเทิงมากมาย

Mazda RX8 แต่ง เซ็ตเทอร์โบ โมให้จี๊ดจ๊าด

สิ่งคู่กายของผู้ชายอย่างเราๆ ท่านๆ ที่ชอบในรถยนต์ ก็ย่อมต้องมีการ “โมดิฟาย” และ “ตกแต่ง” เกิดขึ้นอย่างไม่มีวันดับ แน่นอนว่า การตกแต่งไอ้คันเก่งของเราให้มันดูโดดเด่น สวยงาม ในสไตล์ที่เราชอบ ย่อมเป็นที่ภูมิใจของผู้ที่ครอบครองมัน แต่การแต่งรถที่ดี “ย่อมจะต้องไม่ทำลายรถ” พึงระลึกไว้เสมอก่อนจะลงมือแต่งอะไรไป นอกเรื่องไปหน่อย มาดูคันนี้กันดีกว่า มันคือ

Mazda RX-8

ที่คนไม่ค่อยนำมาแต่งกันนัก อาจจะเป็นรถที่ไม่ได้แรงมาแต่กำเนิด ทรวดทรงมันก็ไม่สปอร์ตแท้ๆ เหมือนกับ mazda rx7 ที่ถือเป็นรถในตำนานไปแล้ว จึงไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่ก็ไม่แน่ คนจะแต่งซะอย่าง มันไม่มีอะไรมาบังคับได้หรอก

U.S. Spec + Turbo อดีต “รถเซเลบ”
สำหรับรถคันนี้ เป็น RX-8 U.S. SPEC หรือ สเป็กอเมริกา เนื่องจากเจ้าของคนก่อน คือ “บีม ศรัณยู” ดาราชื่อดัง ได้ไปเรียนที่อเมริกาอยู่พักหนึ่ง จึงได้ซื้อ Mazda RX8 คันนี้ไว้ใช้งาน แน่นอนว่านายบีมเขาเป็นคนชอบแต่งรถแบบเข้าเส้น จึงไม่พลาดที่จะจับคันนี้มาแต่งให้สะใจ ด้วยการเพิ่มชุดพาร์ทรอบคันตามสูตร และจับไปเพาะกายด้วยการ “เซ็ตเทอร์โบ” เป็นชุดคิตสำเร็จรูป ชอบนักเสียงเทอร์โบหวีดหวิว เสียงโบล์วออฟคายฟิ้วๆ มันเป็นสไตล์ Fast & Furious แน่นอน พอกลับมาเมืองไทย ก็เอาคันนี้กลับมาด้วย และได้เปลี่ยนมือเจ้าของใหม่เรียบร้อยแล้ว

13B-MSP เป็นเครื่องที่อ่อนแอ ไม่เหมือนmazda rx7 แต่งต้องระวังในการโมดิฟาย
ครั้งนี้จะกล่าวถึงเรื่องของ Mazda RX-8 แต่ง จากการเล่าของ “พี่เหน่ง ไดรเวอร์” เจ้าของร้านที่ดูแลรถคันนี้อยู่ พี่เหน่งบอกว่า เครื่อง 13B-MSP (Multi-Side Port) ซึ่งเป็นเครื่องที่พัฒนามาจาก 13B-REW แต่ไม่มีเทอร์โบ เข้าใจว่าต้องการให้มลภาวะต่ำ น้ำหนักเบา และไม่กินน้ำมันมากเหมือนเครื่องโรตารี่รุ่นเก่า จากการที่ได้รื้อเครื่องมาซ่อมบำรุง ก็พบว่าเครื่องทำมาเน้นน้ำหนักเบาจริงๆ ลดภาระในการหมุน โรเตอร์สร้างแบบลดน้ำหนัก ไม่ได้เผื่อความแข็งแรงเหมือน 13B-REW ที่เป็นเครื่องเทอร์โบเลย ดังนั้น การโมดิฟายด้วยการเซ็ตเทอร์โบในเครื่องนี้จึงต้องระวัง เพราะเป็นเครื่องที่อ่อนแอ แถมกำลังอัดสูง จึงปรับบูสต์ได้เพียงแค่ 0.3-0.4 บาร์ แค่นั้นเอง ได้แต่อัตราเร่งสนุกๆ รอบขึ้นเร็ว เพราะเครื่องนี้ดีไซน์มาวิ่งรอบสูงอยู่แล้ว ถ้าจะเล่นหนักๆ คงไม่ไหว ต้องทำไส้ในเกือบหมด หลายคนที่ต้องการความแรงจริงๆ จึงเอา 13B-REW เปลี่ยนใส่เลยจบกว่า

ต้องดูแลดีๆ หน่อย และจัดทางเดินลมเป่าระบายความร้อนใหม่
สำหรับการดูแล ก็ต้องจัดว่า “ประคบประหงม” กันหน่อย โดยเฉพาะเครื่องที่เซ็ตเทอร์โบเพิ่ม น้ำมันเครื่องเน้นของเกรดดีๆ เปลี่ยนบ่อยหน่อย ดูน้ำอย่าให้ขาด เพราะเครื่องโรตารี่ถ้าทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ดูแล เกิดข้อผิดพลาดนิดเดียวรับรองพังทั้งเครื่อง โดยเฉพาะเครื่องรุ่นนี้ที่อ่อนแอ ตอนขับก็อย่าไปโหดร้ายมากนัก เอาไปอัดไล่เขม่าบ้างบางทีก็เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพื่อไม่ให้เขม่าติดในเครื่อง จะทำให้ Apex Seal ติดขัด โรเตอร์หมุนไม่สะดวกก็พังได้ง่าย แต่ก็อย่าถึงกับโหดร้ายไปลากหนักๆ เกินไป คนใช้จึงต้องรู้ว่ามันได้แค่ไหน และต้องจัดทางเดินลมใหม่ เพราะของเดิมมันจะมีแผ่นปิดเยอะแยะ ถ้ารถเดิมไม่มีปัญหา แต่ถ้ามาเซ็ตเทอร์โบมันจะไม่พอ ต้องจัดช่องดักลมใหม่ไม่งั้นไม่พอ อัดแล้วร้อน

ทีเด็ด เฟืองท้ายกระบะ !!!
เอาแล้วไงล่ะท่านผู้ชม รถสปอร์ตราคาหลายล้าน แต่ดันใช้เฟืองท้ายกระบะ อย่าตกใจว่าเขายกเพลาแข็ง Strange แบบรถ Drag อะไรนั่นมาใส่นะ เขาคงไม่ระห่ำขนาดนั้นหรอก เขายังใช้ระบบเดิมทั้งหมด เพียงแต่รื้อเฟืองท้ายออกมาทำใหม่ ของเดิมอัตราทดประมาณ 4.777 ถือว่าจัดมาก ๆ เพราะเครื่องตัวนี้รอบจัดประสาโรตารี่ จึงต้องวิ่งรอบสูงเป็นหลัก แต่คันนี้ยังไม่พอใจกับของเดิม อยากได้อัตราเร่งตีนต้นแบบจัดจ้านชนิดหาตัวจับยาก พี่เหน่งจึงจัดการชำแหละ จำแลงแปลงกันใหม่ ด้วยการเอาชุดเฟืองท้าย เฟืองบายศรีและเดือยหมูมาจาก MAZDA BONGO เป็นรถกระบะที่ใช้ในญี่ปุ่น ทั้งนี้ เพื่อความแข็งแรงเอาไว้รองรับพลังจากเทอร์โบ และมีอัตราทดสูงกว่าเดิมเป็นประมาณ 4.8-4.9 จัดกว่าเดิมอีก นำมาแปลงใส่เสื้อเฟืองท้ายของเดิม ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามันมีขนาดที่ใกล้เคียงกัน เอาว่าให้สะใจกันไปเลยว่างั้น ตีนปลายไม่สน วิ่งทางไกลก็เหนื่อยแน่นอน แต่ตีนต้นออกได้อย่างจรวดสะใจเจ้าของรถ แถมด้วยลิมิเต็ด CUSCO แบบจับเยอะๆ เผื่ออารมณ์อยากจะท้ายกวาด Drift โชว์สาวเล่น

Mazda RX8 แต่ง

เน้นขับเล่น แต่ทำแล้วต้องให้จบ
สำหรับการแต่ง mazda rx8 มือสอง คันนี้ ก็จะออกแนวขับเล่นสะใจบางเวลามากกว่า รถอย่างนี้คงไม่เอาไปใช้ทุกวันๆ ใช่ไหมครับ แต่การทำก็ต้องรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำได้มากน้อยแค่ไหน พื้นฐานรถและเครื่องยนต์ได้เท่าไร ไม่ใช่สักแต่จะเอาเทอร์โบใส่เข้าไป ปรับบูสต์เยอะๆ จะเอาแรงๆ แต่เครื่องรองรับไม่ได้ ก็มีหวังได้พังกันก็เท่านั้น ครั้งนี้โชคดีที่พี่เหน่ง ไดรเวอร์ ได้เล่าข้อมูลดีๆ ให้ผู้อ่านได้รับทราบ สนใจซ่อม โมดิฟายรถยนต์ ปรับแต่ง ฯลฯ ติดต่อสายตรงพี่เหน่ง ไดรเวอร์ ได้ที่ 081-635-3427 ท้ายสุดก็ขอบคุณพี่เหน่ง กับเจ้าของรถที่ให้ถ่ายลงคอลัมน์ครับ

วิธีเปลี่ยนยางรถยนต์ การเปลี่ยนยาง อย่างถูกวิธี ลดเวลาและความเสี่ยง

วิธีเปลี่ยนยางรถยนต์

การขับรถไปที่ไหนมาไหนก็ตาม มันย่อมไม่ได้ราบลื่นเสมอไป บางครั้ง รถอาจจะมีปัญหาทำให้เราต้องลงมือทำเอง ถ้าแบบ Basic ง่าย ๆ ก็คือ “ยางแตก” หรือ “ยางแบน” เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถจะเจอกันได้เป็นปกติครับ ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องโมโหโกรธา ท้อแท้ชะตาชีวิต เหตุเกิดเราก็ต้อง “แก้” อย่างกรณีที่เราจะต้อง “จะ เปลี่ยน ยาง รถยนต์” เมื่อเกิดเหตุกลางทาง ผมเชื่อนะครับ ว่าคนขับรถเกินครึ่ง “เปลี่ยนยางรถตัวเองไม่เป็น” หรือเป็นก็เงอะๆ งะๆ บางครั้งทำให้สิ้นเปลืองเวลามาก ไม่พอนะครับ หากการเปลี่ยนยางแบบไม่ระวัง หรือผิดวิธี อาจจะทำให้ “เกิดอุบัติเหตุ” กับตัวเองได้อีกด้วย ดังนั้น ควรจะเรียนรู้วิธีเปลี่ยนยางรถยนต์อย่างถูกหลัก จะได้ไม่สิ้นเปลืองเวลา หรือเกิดข้อผิดพลาดใดๆ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนครับ

ยางแตก จอดในที่ปลอดภัย มีชัยไปกว่าครึ่ง
หลังจากที่ท่านรู้ตัวว่ารถท่านยางแบน หรือยางแตก เริ่มชะลอรถลงเรื่อย ๆ ตรงนี้ขอให้ท่านพยายามนำรถชิดขอบทางให้มากที่สุด หรือมองหา “ที่หลบ” อันกว้างขวางหน่อย บางครั้งมันมีอยู่ ท่านลองมองรอบๆ เผื่อจะเจอ ก็ค่อยๆ วิ่งไปช้าๆ อย่าเร็ว และอย่าวิ่งไกลมาก เพราะเมื่อยางแบน ขอบกระทะล้อจะบดยางรถยนต์เส้นนั้นจนเสียหาย ยังไงค่อยๆ ประคองใจเย็นๆ เข้าที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันตัวท่านและรถของท่านให้พ้นจากทางวิ่งสัญจรปกติ แต่ถ้ามันไม่มีจริงๆ ก็พยายามชิดไหล่ทางด้านซ้ายให้มากที่สุด และพยายาม “จอดตรงพื้นเรียบที่สุด” จะได้ขึ้นแม่แรงได้อย่างปลอดภัย ที่สำคัญ เวลาท่านลงจากรถมาทำอะไรก็ตาม “โปรดระวังตัวด้วย” อย่าทะเล่อทะล่าเบ๊อะบ๊ะเดินออกไปให้รถชน พยายามดูให้เรียบร้อยก่อนจะลงมือทำอะไรก็ตาม ไม่ต้องรีบลนลานครับ ใจเย็นๆ

รองล้อให้เรียบร้อย คลายน๊อตล้อก่อนขึ้นแม่แรง
เมื่อจอดเสร็จสรรพ ขั้น ตอน การ เปลี่ยน ยาง รถยนต์ ผมแนะนำให้ท่าน “รองล้อ” ให้เรียบร้อยก่อน เพื่อกันรถไหลเคลื่อนตอนขึ้นแม่แรง ถ้ารถเคลื่อนที่ได้ จะเสี่ยงต่อการ “ตกแม่แรง” เกิดอันตรายใหญ่หลวง รถบางรุ่นที่มีราคาหน่อย มันจะมี “แผ่นรองล้อ” สามารถกางขึ้นมาเป็นรูปสามเหลี่ยมเพื่อรองล้อกันรถไหลได้ ถ้ารถคันไหนไม่มีแล้วอยากจะได้ ลองเดินเชียงกงก็จะมีขายอยู่ ไม่แพงครับ แต่ถ้าในขณะนั้นไม่มี ก็ลองหาก้อนหินรองล้อไว้ก็ดีครับ กันเหนียวไว้ก่อน ขั้นตอนต่อไป ให้คุณ “คลายน๊อตล้อ” ก่อนที่จะขึ้นแม่แรง อันนี้อย่าลืม จะปลอดภัยกว่าการขึ้นแม่แรงแล้วค่อยถอดน๊อต ย้ำอีกทีนะครับ “คลายน๊อตล้อก่อนจะขึ้นแม่แรง” เพราะการขันคลายน๊อตระหว่างรถอยู่บนแม่แรง จะต้องใช้แรงพอสมควร ทำให้เกิดแรงเคลื่อนที่ตัวรถ ถ้าแม่แรงรองไม่ดีจริงๆ ตอนเหนี่ยวแรงๆ จะทำให้รถเคลื่อนตกแม่แรงได้ คุณจะได้รับบาดเจ็บด้วยครับ เพราะฉะนั้นคลายก่อนที่จะขึ้นแม่แรงเสมอ ย้ำอีกที แค่คลายนะครับ ไม่ต้องถอด

จับเครื่องมือให้ถูกวิธี
เครื่องมือที่ใช้ถอดหรือขันน๊อตล้อ ก็คือ “กากบาท” อันนี้คงพอเคยเห็นกันบ้าง กากบาทจะมี 4 แฉก แต่ละแฉกก็จะมีขนาดที่แตกต่างกันไป ท่านต้องเลือกให้ถูกขนาด ไม่ยากครับ ถ้าไม่รู้จริงๆ ก็ต้อง “ลองเสียบ” ถ้าถูกเบอร์กัน มันจะเสียบเข้าไปสนิทพอดี ถ้าใหญ่เกินขนาดน๊อตล้อไป มันจะหลวม ถ้าเล็กเกิน มันก็จะเข้าเหลี่ยมไม่ได้ อันนี้ไม่ยากครับ หลังจากที่เข้าได้แล้ว ก็ถึงตอนที่จะออกแรงกันแล้วล่ะ การจับกากบาท ให้ใช้ “สองมือจับสองด้านตรงข้ามกัน” โดย “มือซ้ายคว่ำ มือขวาหงาย” โดยใช้น้ำหนักมือขวาดึง แล้วเอาน้ำหนักมือซ้ายกด จะทำให้เกิดแรงถอดได้ง่าย เวลาถอดให้ “นั่งลง” ในท่าชันเข่าข้างขวาขึ้น อย่าก้มเพราะอาจจะทำให้บาดเจ็บที่สันหลังก็ได้ จับให้มั่นแล้วจัดการ “เหนี่ยว” ซะ หรือรถรุ่นใหม่บางรุ่น จะเป็นแค่ด้ามขันธรรมดา อันนั้นก็จับขันออกตามปกติ อ้อ เกือบลืม การขันคลายออกจะเป็นการหมุน “ด้านซ้าย ทวนเข็มนาฬิกา” นะครับ อย่าผิดด้านเดี๋ยวจะยิ่งแน่นเข้าไปใหญ่

การขึ้นแม่แรงอย่างถูกวิธี ผิดวิธีมีเหตุแน่
สิ่งที่สำคัญที่ผมเป็นห่วง ก็คือ “การขึ้นแม่แรงอย่างไรให้ปลอดภัย” ตรงนี้ย้ำอีกทีว่า “น่าเป็นห่วงที่สุด” เพราะขึ้นอยู่กับความปลอดภัยโดยตรง ปกติแล้ว แม่แรง หรือ “ตะเข้” ติดรถ ถ้าเป็นของรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ก็จะมีสองด้าน เอาด้านที่เป็น “แป้นกลม” หรือ “แท่นสี่เหลี่ยม” อยู่ด้านล่าง ตรงนั้นมันเป็นจุดที่ต้องสัมผัสพื้น ส่วนอีกด้านที่เป็น “หัวบาก” ตรงร่องหัวบากนั้น จะเอาไว้ “เสียบเข้ากับตะเข็บชายล่างของตัวถังรถ” โดยจุดที่ให้เอาแม่แรงขึ้นนั้น ให้คุณ “ดูคู่มือประจำรถ” มันจะมีบอกขั้นตอนไว้เสร็จสรรพ ใครไม่เคยดูก็หัดดูเสียบ้าง หลังจากที่รู้ว่าอยู่ตรงไหนแล้ว ก็ก้มดูชายล่างของรถ มันจะมี “ร่องเว้า” ทั้งด้านหน้าและหลัง เอาแม่แรงวางไว้ตรงจุดนั้น ขันแม่แรงขึ้น จัดให้ “ร่องบากมันเสียบเข้ากับตะเข็บชายล่างของรถ ในจุดที่เป็นร่องบาก” ได้อย่างพอดี แล้วก็ขันแม่แรงขึ้น ส่วนของรถยุโรป บางรุ่นจะเป็นแบบ “เสียบข้าง” หน้าตาจะไม่เหมือนกันกับของรถญี่ปุ่น ก่อนอื่นให้คุณหา “จุดเสียบ” ก่อน มันจะอยู่ที่ชายล่าง จะมีฝาปิดพลาสติกกลมๆ ปิดอยู่ หาไม่ยากหรอกครับ จัดการเปิดฝานั้นออกมา ด้านในจะเป็นรูให้เสียบเดือยแม่แรง ก็เสียบเข้าไปแล้วขันขึ้นแค่นั้นเอง

การเปลี่ยนยาง

มีข้อควรระวัง หาก “วางแม่แรงผิด” ที่เคยเจอ อันดับแรก “กลับหัวกลับหาง” เอาด้านบนไว้ล่าง เอาด้านล่างขึ้นบน อย่าเพิ่งหัวเราะครับ เจอมาจริงๆ คนไม่เป็นดันวางกลับด้าน ดีว่าช่วยบอกพี่เขาไว้ก่อน อันนี้ “โคตรอันตราย” นะครับขอบอก เพราะจุดรับแรงมันไม่เหมือนกัน เอาร่องบากไว้ข้างล่าง มันเป็นจุดเล็กๆ ไม่สามารถรับแรงได้แน่ ก็มีโอกาส “แม่แรงพลิก” รถตกลงมาได้ง่ายมากๆ ตรงนี้ระวังอย่างแรง อีกประการ วางแม่แรงถูกด้าน แต่ “ผิดตำแหน่งที่ตัวรถ” โดยปกติ จุดขึ้นแม่แรงจะอยู่ใกล้กับล้อ เพราะตรงนั้นจะทำให้ยกง่ายที่สุด บางท่านดันไปเสียบไว้กลางรถ ทำให้ยกรถยาก และอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ หรือไม่เสียบที่ตะเข็บชายล่าง เอาไปวางไว้จุดอื่น ก็อันตรายเหมือนกันครับ เพราะแม่แรงติดรถมันเจาะจงมาให้ใช้ “เฉพาะจุด” เท่านั้น ไม่เหมือนแม่แรงปกติ ที่สามารถยกตรงจุดอื่นได้ ระวังด้วยนะครับ หลังจากที่ขึ้นแม่แรงเรียบร้อยแล้ว ก็ถอดน๊อตล้อออก อันนี้จะไม่ยากเพราะเราได้คลายไว้แล้วก่อนขึ้นแม่แรงนั่นเอง

เอาล้อที่เปลี่ยนออกรองใต้ท้องรถด้วยครับ
หลังจากที่ถอดล้อออกมาได้แล้ว ก็จับมันนอนลง แล้วสอดล้อเข้าไปที่ใต้ท้องรถแถวๆ นั้นด้วยนะครับ เป็นการ “กันเหนียว” ผมก็ไม่กล้ารับประกันว่ามันจะเกิดเหตุอะไรขึ้น จู่ๆ แม่แรงดันยุบตัวลงเอง จากความเก่า ล็อกไม่อยู่ หรือเกิดเหตุรถร่วงจากแม่แรงด้วยเหตุใดก็ตาม อย่างน้อยมันก็ “ทับล้อที่เราสอดไว้” ไม่หล่นโครมมาทำให้ท่านบาดเจ็บ หรือรถพังเสียหายจากการที่หล่นกระแทกพื้นแรงๆ ครับ

ใส่ล้อแล้ว หมุนน็อตล้อคาไว้พอตึงมือก่อน อย่าเพิ่งกวดแน่น !!!
เอาล่ะครับ เมื่อท่านเอาล้ออะไหล่มาใส่แล้ว อย่าลืมเอาน๊อตล้อใส่ไว้ให้ครบทุกตัว ขันน๊อตล้อเข้าไปให้พอตึงมือนิดหน่อยพอ “อย่าขันน๊อตล้อแน่นขณะที่รถลอยอยู่เป็นอันขาด !!!” เหตุผลเดียวกันกับข้อที่ผ่านมาครับ ถ้าขันแรงๆ มีโอกาสที่รถจะตกแม่แรงอย่างที่ผมบอกไปแล้ว ไว้เอารถลงก่อนแล้วค่อยขันให้แน่น จะเป็นการปลอดภัยที่สุดครับ ตอนนี้เป็นขั้นตอนลงแม่แรง ก่อนอื่นเอาล้อที่สอดไว้ใต้ท้องออกก่อน ก่อนจะขันแม่แรงลง ขอให้ก้มสำรวจสักนิด ว่ามี “สิ่งมีชีวิตอะไรอยู่ใต้ท้องรถหรือเปล่า” บางทีท่านทำเพลินๆ อยู่ อาจจะมีหมาแมวอะไรมานอนเล่นใต้ท้องรถ ยังไงก็ไล่มันไปก่อนแล้วกัน

ขันน๊อตล้อให้แน่น อย่าลืม อย่าลืม อย่าลืม !!!
หลังจากที่ปล่อยแม่แรงลงแล้ว เก็บแม่แรงให้เรียบร้อย ขั้นตอน การ เปลี่ยน ยาง รถ สุดท้ายนี้ “สิวสิว” ครับ แต่ที่จะ “ตายห่_” ก็เพราะ “ลืมขันน๊อตล้อให้แน่น” นี่แหละ ตรงนี้เจอประจำครับ ขันไม่แน่น หรือขันแน่นไม่ครบทุกตัว ขันแม่มอยู่ 2 ตัว อีก 3 ตัว ไม่ได้ขัน ที่เลวร้ายแบบ “ต้องด่า” ให้อภัยไม่ได้คือ “ลืมขันน๊อตล้อทั้งหมด” จะหาเรื่องตายก็นี่แหละครับ ผมไม่ได้อำคุณเล่นนะ เจอไอ้แบบนี้มาหลายคนมากๆ เพราะฉะนั้นห้ามลืมเด็ดขาด !!! และฝากย้ำเตือนไปด้วย หากท่านไปเปลี่ยนล้อหรือ เปลี่ยน ยาง รถ ที่ไหนก็ตาม “ควรจะดูด้วยว่าคนขันได้ขันน๊อตล้อแน่นทุกตัวหรือไม่” เจอเยอะครับ ไอ้ช่างชุ่ยๆ มันมีอยู่เยอะมาก ยังไงยืนดูให้มันขันน๊อตให้แน่นและครบหน่อยแล้วกัน อย่าปล่อยเด็ดขาด แต่ถ้าท่านเปลี่ยนเอง ก็ต้องขันให้แน่นทุกตัว ไม่ต้องถึงกับโหนสุดชีวิต เอาว่า “ตึงมือ” ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องโหนกันสุด ๆ

ทำเป็น ปลอดภัย รวดเร็ว
หลังจากที่ท่านได้อ่านบทความวิธีเปลี่ยนยางรถยนต์จบ ก็หวังว่าจะนำไปใช้ในเหตุการณ์จริงได้พอสมควร มันอาจจะดูเป็นเรื่องพื้นๆ ที่ใครๆ ก็ “เหมือนจะรู้” แต่ “คนรู้จริงทำเป็นจริงๆ มีน้อย” มันไม่ใช่เรื่องที่คนไม่เคยทำจะรู้ได้ ทุกอย่างต้องมีการเรียนรู้ก่อน และทำตามขั้นตอน จะทำให้การทำงานทุ่นเวลาและแรงกายไปได้เยอะ รวมถึงได้ความปลอดภัยมาอีกด้วย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ทำเร็ว แต่ไม่ปลอดภัยก็จะมีประโยชน์อะไร คราวหน้าจะเอาเรื่องดีๆ ที่เป็นประโยชน์มาฝากอีก ไว้เจอกันครับ…

ข่าวแนะนำ
ตลาดรถยนต์
รถดีเซล
มิสมอเตอร์โชว์ 2013

“วิเชียร” แห่ง บางจาก ฯ ลั่น นำพา บางจากปิโตรเลียม เติบโตอย่างยั่งยืน

นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท

บางจากปิโตรเลียม

จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พร้อมสานงานต่อนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของบางจากฯที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท บางจากฯ เมื่อปี 2528 เพื่อให้เป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและคุณค่าต่อสังคม โดยสร้างความสมดุลระหว่างมูลค่าและคุณค่า ต้องการให้เป็นบริษัทชั้นนำของคนไทย ขยายการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

นายวิเชียร กล่าวว่า มีความมุ่งมั่นให้บริษัท บางจากฯ ก้าวสู่องค์กร 100 ปี ด้วยการสร้างความมั่นคงพัฒนาธุรกิจหลักในปัจจุบันให้มีศักยภาพและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมขยายธุรกิจใหม่เพื่อสร้างโอกาสเสริมรายได้ให้กับบริษัทและมีส่วนช่วยพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสังคมไทย การสร้างสังคมสีเขียวตามปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของบางจากปิโตรเลียม และสนองตอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและของโลกในปัจจุบัน ที่มุ่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

นายวิเชียร กล่าวอีกว่า การที่จะให้บริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จะต้องมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ และมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน บริษัท บางจากปิโตรเลียม ยังคงดำเนินธุรกิจหลักด้านพลังงาน มีโรงกลั่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อและธุรกิจเสริมในสถานีบริการน้ำมัน นอกจากนี้ ยังศึกษาถึงความเป็นไปได้ของพลังงานอื่นๆ นอกเหนือจาก การผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ส่วนการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ขณะนี้เริ่มรุกธุรกิจสถานีบริการน้ำมันบางจากในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้เปิดแห่งแรกที่ประเทศพม่า นอกเหนือจากที่ส่งน้ำมันหล่อลื่นไปขายยังประเทศอินโดจีน ลาว พม่า เวียดนาม จีน กัมพูชา ฟิจิ เคนย่า ฯลฯ และพร้อมที่จะขยายธุรกิจอื่นๆ ในอนาคต เพื่อเสริมรายได้และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากธุรกิจในปัจจุบัน

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2556 คาดว่าจะมีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยจะเพิ่มปริมาณการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีที่ระดับ 1.1 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งในปีนี้ไม่ต้องหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ทำให้สามารถกลั่นน้ำมันจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น โดยมีค่าการกลั่นเฉลี่ย 7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม จะมีการปรับปรุงพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพของโรงกลั่นให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต (3E: Environment/ Efficiency/ Energy) ใช้เงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท

ด้านธุรกิจการตลาด ยังคงยึดนโยบายสนับสนุนพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง และจะไม่กลับไปจำหน่าย น้ำ มัน เครื่อง บางจาก เบนซิน 95 อย่างแน่นอนเพราะไม่ต้องการนำเข้าสาร MTBE (สารเพิ่มออกเทนที่ผสมในน้ำมันเบนซิน 95 รวมถึงกับ น้ำมันดีเซล บางจาก) เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ จะขยายสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ทั่วประเทศ และ E85 เพิ่มเป็น 100 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับปริมาณรถยนต์รุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น

“เราจะพัฒนารูปแบบของปั๊ม

บางจาก ฯ

และสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าสูงสุด เพื่อรักษาความเป็น Top 2 Brand of Choice และจะเปิดสถานีบริการน้ำมันในรูปแบบ Green Station เพิ่มอีก 2 แห่ง ขยายร้านสะดวกซื้อมินิบิ๊กซี เพิ่มเป็น 100 แห่ง และเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจเสริม เพื่อตอบสนองความสะดวกสบายของวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น” นายวิเชียร กล่าว

อนึ่ง โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ หรือ Sunny Bangchak เฟส 2 ที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ และอำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิตจำหน่ายรวม 32 เมกะวัตต์ คาดว่าจะจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ และเมื่อรวมกับเฟส 1 โครงการ Sunny Bangchak มีกำลังการผลิตจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 70 เมกะวัตต์ สร้างรายได้ให้กับบริษัทบางจากปิโตรเลียม เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท


ข่าวแนะนำ

ข่าว porsche
รถ รุ่น ใหม่
รถแพงที่สุดในโลก ปี 2012

เชิญชมงานแสดง แลนด์โรเวอร์ suv ระดับโลก ณ ดิ เอ็มโพเรี่ยม วันนี้จนถึง 27 มกราคม 2556

แลนด์โรเวอร์ suv ตอกย้ำความสำเร็จของงานแสดงยานยนต์เมื่อเดือนกันยายน 2555 ที่ผ่านมา นำขบวนรถยนต์เอสยูวีรุ่นท้อปซึ่งได้รับการยกย่องจากทั่วโลกในฐานะ “รถโฟร์วีลที่ดีที่สุด” และคว้ารางวัลยานยนต์ระดับโลกมาแล้วหลายสถาบัน อาทิ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค, เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต, และแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ 4 มาอวดโฉมให้ผู้สนใจได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 27 มกราคม 2556 บริเวณชั้น G ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษและของแถมล้ำค่าต้อนรับปีใหม่ อาทิ บริการรถยกฉุกเฉิน 3 ปี และ ประกันตัวรถ 3 ปี หรือ 100,000 กม. พร้อมรับฟรี เครื่องเล่นไอแพดมินิ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์แลนด์โรเวอร์และเรนจ์โรเวอร์ภายในงานนี้เท่านั้น

นายดนัย จันทรงาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า “งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการแสดงยานยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งยานยนต์ของเราได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มผู้รักรถยนต์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม รวมถึงผู้บริโภครายใหม่ที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับตลาดรถยนต์ระดับหรู งานแสดงยานยนต์ที่ ดิ เอ็มโพเรี่ยม ครั้งสามของเราในวันนี้ จึงถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้นำเสนอรถยนต์เอสยูวีระดับโลกอีก 3 รุ่นให้เป็นที่รู้จักในหมู่ลูกค้าชาวไทยมากยิ่งขึ้น พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้สั่งจองในงานนี้โดยเฉพาะ”

ข่าว porsche : ยอดขายในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคสูงขึ้นถึง 4,730 คันในปี 2012

ข่าว porsche สร้างประวัติศาสตร์ยอดขายใหม่ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคด้วยยอดขายที่สูงขึ้นถึง 4,730 คันในปี 2012 (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2012) และถือได้ว่าเป็นยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 20% หากเทียบกับยอดขายของปี 2011 ที่ผ่านมา ยอดขายหลักๆ ได้มาจาก 911 คาร์เรร่า (Carrera) และคาร์เรร่า เอส (Carrera S) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปี 2012 แต่กลับสร้างยอดขายได้อย่างดีเยี่ยมโดยมีอัตราการเติบโตทางยอดขายถึง 80% เลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านี้รุ่นคาเยนน์ (Cayenne) และรุ่นพานาเมร่า (Panamera) ที่เป็นรถสปอร์ต 4 ประตูยอดนิยมในภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิคนั้นมียอดขายที่ประสบความสำเร็จด้วยเช่นเดียวกัน (59% และ 23% จากยอดขายทั้งภูมิภาคตามลำดับ)

Mr.Christer Ekberg กรรมการผู้จัดการ ของปอร์เช่ เอเซียแปซิฟิค กล่าวถึงความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมนี้ว่า หลักๆ แล้วยอดขายที่เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์นั้นได้มาจาก 911 เจเนอเรชั่นที่ 7 ใหม่ล่าสุดที่ได้ออกมาเผยโฉม และสร้างยอดขายได้อย่างล้นหลาม รวมถึงคาเยนน์ (Cayenne) และพานาเมร่า (Panamera) ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากเช่นกัน เขากล่าวไว้ว่า “เคย์แมน (Cayman) ใหม่ล่าสุดกำลังจะเข้ามาเผยโฉมในภูมิภาคของเราในปีนี้ และยังมีปอร์เช่รุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่างมากมายที่จะเข้ามาเปิดตัว อาทิเช่น 911 คาร์เรร่า 4 (911 Carrera 4) คาเยนน์ เอส ดีเซล (Cayenne S Diesel) คาเยนน์ เทอร์โบ เอส (Cayenne Turbo S) เป็นต้น ซึ่งเรามั่นใจว่าปี 2013 นี้จะกลายมาเป็นอีกปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับปอร์เช่ด้วยเช่นกัน”

ประเทศไต้หวันคือประเทศที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดในภูมิภาคโดยมียอดขายที่สูงถึง 1,711 คัน (เติบโตขึ้น 41%) ในขณะที่ประเทศเกาหลีใต้ขึ้นมาเป็นอันดับสองด้วยยอดขายที่สูงถึง 1,516 คัน (เติบโตขึ้น 17%) ยอดขายในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยมียอดขายคิดเป็น 18% ของยอดขายทั่วทั้งภูมิภาค ประเทศอื่นๆ ที่มีความสำคัญในภูมิภาคอย่างประเทศไทย ฟิลิปินส์ และเวียดนาม สร้างยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยมียอดขายที่ 165 คัน 104 คัน และ 64 คันตามลำดับ ส่วนประเทศที่เหลืออย่างประเทศบรูไน เฟรนช์โปลินีเซีย อินโดนีเซีย นิวแคลิโดเนีย และศรีลังกา สร้างยอดขายรวมกันประมาณ 6% ของยอดขายทั้งภูมิภาค ยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้เองเปรียบเสมือนเป็นตัวบ่งบอกให้เห็นว่า ตลาดในแต่ละประเทศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา และจะกลายมาเป็นตลาดที่มีความเติบโตและสำคัญเป็นอย่างมากในอนาคต

ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) มียอดส่งมอบให้ลูกค้าในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค ถึง 608 คัน (+80%) ซึ่งเป็น ตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของ 911 เจเนอเรชั่นที่ 7 รถสปอร์ตที่เป็นตำนานของปอร์เช่ได้ดีเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านี้ คาเยนน์ (Cayenne) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ยอดนิยมยังถือว่าเป็นรุ่นที่ทำยอดขายได้ดีที่สุด โดยมียอดขายถึง 2,787 คัน และถือว่าเติบโตขึ้นถึง 21.2% หากเทียบกับยอดขายปีที่ผ่านมา ยอดขายจากรถสปอร์ตแกรนทัวริสโม่อย่างพานาเมร่า (Panamera) ปอร์เช่ 4 ที่นั่ง 4 ประตูเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมียอดส่งมอบถึง 1,084 คัน ถือได้ว่าเติบโตขึ้น 9.5% หากเทียบกับปีที่ผ่านมา บ็อกซเตอร์ (Boxster) ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2012 และเคย์แมน (Cayman) รุ่นปัจจุบันซึ่งหยุดการผลิตแล้วและขายในช่วงต้นปี 2012 สร้างยอดขายได้ถึง 251 คันจากยอดขายรวม 4,730 คัน

คุณวินธร บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด กล่าว “ยอดขายรถยนต์ปอร์เช่ในปีที่ผ่านมา หลักๆ แล้วมาจากรุ่นที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลกที่ผ่านมา นั่นคือ รุ่นคาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) และ พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) ทั้งสองรุ่นนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการผลิตรถสปอร์ตตามแนวคิดและหลักปรัชญาของปอร์เช่ที่ว่า “ประสิทธิภาพการทำงานอย่างอัจฉริยะของปอร์เช่ หรือ Porsche Intelligence Performance” ยิ่งกว่านั้นในปีที่ผ่านมานี้ ข่าว porscheได้เปิดตัวรถสปอร์ต โร้ดสเตอร์ เจเนอเรชั่นใหม่ นั่นคือ บ็อกซเตอร์ใหม่ล่าสุด (The new Boxster) ที่ได้พัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่เข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งภายในปี 2013 นี้ ท่านจะพบกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง 2 ที่นั่งเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งจะเปิดตัวถึง 2 รุ่นด้วยกัน คือ รุ่น เคย์แมน (Cayman) และเคย์แมน เอส (Cayman S) ล้วนได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่หมดทั้งคัน ตัวรถต่ำกว่าและยาวกว่าเดิม เบาขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่า เคย์แมน เจเนอเรชั่นที่ 3 ใหม่ล่าสุดคันนี้ สามารถสร้างความโดดเด่นและเป็นที่ต้องการของเหล่าคนรักรถสปอร์ตอย่างแน่นอน

และยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ลูกค้าของเราต่างให้ความสำคัญกับเรื่องของเทคโนโลยีชั้นนำและสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งปอร์เช่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี จึงทำให้รถยนต์ปอร์เช่ได้รับการตอบรับจากตลาดรถหรูของไทยเป็นอย่างมาก และคาดว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่มได้อีกอย่างต่อเนื่อง”

ติดตาม ข่าว porsche ได้ที่นี่ เร็วๆนี้

รถ รุ่น ใหม่ Skoda Octavia

รถ รุ่น ใหม่ของ Skoda Octavia เจนเนอเรชั่นที่ 3 นี้มากับการยกระดับมาตรฐานของรถ Compact Segment เต็มคราบ รูปลักษณ์ออกแบบใหม่ให้ทันสมัยขึ้น และใหญ่ขึ้นเปรียบเทียบกับรุ่นเก่าจะเห็นว่ารุ่นใหม่จะมีขนาดมิติตัวถังยาวกว่า 90 มม. กว้างขึ้น 45 มม. และมีระยะฐานล้อยาวขึ้นอีก 108 มม. เพื่อให้ห้องโดยสารภายในกว้างขวางขึ้นโดยเฉพาะในตำแหน่งด้านหลัง

และผลจากการมีมิติตัวถังที่กว้างขึ้นนั้นทำให้ Octavia กลายเป็นรถที่มีห้องโดยสารกว้างขวางด้วยตัวเลขความยาวห้องโดยสาร 1,782 มม. ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน Octavia จะมีพื้นที่ช่วงเข่าอีก 73 มม. Headroom ด้านหลัง 980 มม. กับห้องเก็บสัมภาระด้านหลังที่จุได้มากถึง 590 ลิตร และถ้าหากเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเจน 2 พื้นที่ Headroom ด้านหลังจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 8 มม. ช่วงศอกด้านหน้ากว้างขึ้นกว่า 39 มม. ด้านหลังกว่า 26 มม.

ส่วนความสำเร็จในการพัฒนา Octavia ใหม่นั้นเห็นผลจากการลดน้ำหนักลงได้ถึง 102 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นเจน 2 ด้วยการจากการออกแบบโครงสร้างตัวถังใหม่ เปลี่ยนไปใช้วัสดุเหล็กที่แข็งแกร่ง แต่มีน้ำหนักเบาอย่าง High- And Ultra-Tensile Steel มาเป็นองค์ประกอบหลัก ในขณะเดียวกันเครื่องยนต์ใหม่ของ Octavia เจนเนอเรชั่นที่ 3 นั้นได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งสามารถลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และมลพิษได้ถึง 23% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

โดยต้นสังกัดได้ปล่อยของรุ่นเบนซินออกมาถึง 4 รุ่น เริ่มต้นกับเทคโนโลยี TSI แบบ 4 สูบ 4 วาล์ว พร้อมเทอร์โบชาร์จ Direct-Injection ความจุ 1.2 ลิตร 86 แรงม้า และแรงบิด 160 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียยร์ธรรมดา 5 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 5.2 ลิตร/100 กม. ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ราว 119 กรัม/กม

ต่อมาเป็นพิกัด 1.2 ลิตร TSI Green Tec มาพร้อมระบบ Start/Stop และระบบ Brake Energy Recuperation ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า พร้อมแรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 1,400-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แต่สามารถสั่งเปลี่ยนเป็นเกียร์อัตโนมัติ DSG 7 สปีดได้ มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยน 4.9 ลิตร/100 กม. และปล่อยไอเสียที่ 114 กรัม/กม.

รุ่นต่อมาเป็นพิกัด 1.4 ลิตร TSI ให้กำลังได้ 140 แรงม้า กับแรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500-3,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DSG ซึ่งมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 5.3 ลิตร/100 กม. และค่า CO2 เพียง 121 กรัม/กม.

ส่วนรถ รุ่น ใหม่เวอร์ชั่นท็อปสุดจะมากับเครื่องยนต์พิกัด 1.8 ลิตร TSI Green tec ที่พกพาเรี่ยวแรงมาให้ถึง 180 แรงม้า กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,250-5,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DSG และมีอัตราสิ้นเปลือง 5.7 ลิตร/100 กม. กับค่าไอเสียเฉลี่ย 131 กรัม/กม.
สำหรับสาวกเครื่องยนต์ดีเซล TDI Turbocharged Direct Injection 4 สูบ 4 วาล์ว นั้มมีให้เลือกเร้าใจได้ถึง 4 รุ่น เริ่มต้นด้วยพิกัด 1.6 ลิตร 90 แรงม้า ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ 4.1 ลิตร/100 กม. และค่า CO2 ต่ำเพียง 109 กรัม/กม.

ขยับขึ้นมาจะเป็นพิกัด 1.6 ลิตร TDI Green tec ซึ่งมากับระบบ Start/Stop สำหรับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และแรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,750 รอบต่อนาที โดยมีออพั่นเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DSG ให้เลือก ส่วนอัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ 3.8 ลิตร/100 กม. กับค่า CO2 99 กรัม/กม.สำหรับรุ่นไฮไลต์จะเป็น GreenLine Version พิกัด 1.6 ลิตร TDI ที่มีพละกำลังให้ใช้ 110 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลือง 3.4 ลิตร/100 กม. และค่า CO2 ต่ำราว 89 กรัม/กม.

ปิดท้ายด้วยรุ่น Top ที่ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร TDI Green tec 150 แรงม้า พร้อมแรงบิด 320 นิวตันเมตรที่ 1,750-3,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด DSG หรือเกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ DSG โดยจะมีอัตราสิ้นเปลืองเพียง 4.5 ลิตร/100 กม. และค่า CO2 เพียง 119 กรัม/กม. ถือว่าใหม่สุดในรถ รุ่น ใหม่

10อันดับ รถแพงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 6-10

“ต้อนรับศักราชใหม่ปี 2013 ด้วยสกู๊ปพิเศษสุด เมื่อ Forbs Magazine นิตยสารชื่อดังในอเมริกาเผยสรุปผลการจัดอันดับ 10 รถแพงที่สุดในโลก ปี 2012”

อันดับ 6 Maybach Landaulet
Maybach Landaulet มีค่าตัวเท่ากับ Aston Martin One-77 แต่ Maubach ไม่ได้เป็น Super Car แต่เป็น Super Saloon ที่มีลำตัวยาวถึง 6.2 ม. พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของรุ่น 62S โดยชื่อ Landaulet นั้นมหายถึงรถม้าที่มีหลังคาทางด้านหลังพับได้ เพื่อสื่อให้เห็นถึงรูปแบบของตัวรถอย่างชัดเจน เพราะว่าในอดีต และรุ่น Landaulet นี้ต่างก็ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกัน คือ การเปิดประทุนเฉพาะในส่วนของเบาะนั่งหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของผู้เป็นเจ้าของหรือผู้บริหาร แต่สำหรับ Maybach Landaulet เจ้าของค่าตัวแพงเป็นอันดับที่ 6 นี้ ติดตั้งหลังคาอ่อนแบบพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้าอย่างรวดเร็วในเวลา 16 วินาที ส่วนขุมพลังใช้พื้นฐานเดียวกับรุ่น 62S แบบ V12 พิกัดความจุ 6.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ปั่นกำลังได้ถถึง 620 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ภายในเวลา 5.2 วินาที

อันดับ 7 Pagani Huayra
เจ้าของค่าตัว $1.3 ล้าน หรือเกือบ 40 ล้านบาท คือ Pagani Huayra สมญานามเทพเจ้าแห่งสายลม ที่มีโครงสร้างทางวิศวกรสร้างขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไททาเนียม พร้อมรูปลักษณ์ที่สืบทอดเอกลักษณ์จากรุ่นพี่ Zonda R เอาไว้ด้วยไฟหน้าแบบ LED ฝั่งละ 2 ดวง กันชนท้ายโดดเด่นด้วยท่อไอเสียขนาดใหญ่ 4 ท่อ และมีน้ำหนักโดยรวมที่เบาเพียง 1,350 กก. เพื่อให้เครื่องยนต์ Mercedes-Benz AMG รหัส M158 พิกัด 6 ลิตรแบบ V12 Twin-Turbocharged แสดงสมรรถนะได้อย่างเต็มที่ด้วยระดับกำลังถึง 700 แรงม้า ยืนยันความสุดขั้วด้วยตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.5 วินาที

อันดับ 8 Hennessey Venom GT
อสูรร้ายจากโรงงาน Hennessey Performance Engineering ที่ชื่อ Hennessey Venom GT นี้ใช้พื้นฐานของ Lotus Exige มาอัพเกรดพละกำลังแบบสุดโต่ง โดยเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ Corvett C6 ZR1 จาก GM ความจุ 6.2 ลิตร V8 พร้อม Twin-Turbocharged วางกลางลำ พร้อมด้วยการเซ็ทอัพชุดใหญ่เพื่อปั่นพลังขึ้นไปถึง 1,200 แรงม้า สำหรับทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.5 วินาทีเท่านั้น กับความเร็วสูงสุดที่ทำได้มากว่า 420 กม./ชม. ส่วนสนนราคาค่าตัวในการเป็นเจ้าของเทพเจ้าแห่งสายลมนั้นอยู่ที่ $1 ล้านหรือราวๆ เกือบ 31 ล้านบาท

อันดับ 9 SSC Tuatara
อันดับรองสุดท้าย SSC Tuatara ที่แม้จะชื่อไม่คุ้นหูนักแต่ก็แพงจะติดตอันดับ Top 10 เลยทีเดียว การันตีผลงานความสุดโดยฝีมือของ Shelby Super Car ที่มาของชื่อย่อ SSC ส่วนชื่อ Tuatara นั้นเป็นชื่อของสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งในประเทศนิวซีแลนด์ ที่มีวิวัฒนาการทางด้าน DNA เร็วที่สุดในโลก ราวกับจะบอกเป็นนัยยะ ว่าในอนาคต SSC Tuatara จะเป็น Super Car ซึ่งเป็นที่รู้จักในโลก ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 6.8 ลิตรแบบ V8 ที่ร้ายกาจด้วยพละกำลังถึง 1,350 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.5 วินาที และท็อปสปีดสูงสุดราว 442 กม./ชม. ส่วนค่าตัวของมันนั้นอยู่ที่ประมาณ $970,000 หรือเกือบ 30 ล้านบาท

อันดับ 10 Porsche 918 Spyder
อันดับสุดท้ายตกเป็นของขุนศึกจากค่ายโล่ห์อัศวินที่ชื่อว่า Porsche 918 Spyder ที่เคยสร้างความฮือฮาในการเปิดตัวช่วงปี 2010 กับเวอร์ชั่น Concept เครื่องยนต์ 3.4 ลิตร V8 จนกระทั่งรุ่น Prototype ปี 2012 ออกสู่สายตาประชาชนกด้วยเซอร์ไพรส์ใหม่ที่มากับเครื่องยนต์พิกัด 4.6 ลิตร V8 ซึ่งในท้ายที่รุ่น Production ก็ออกสู่ตลาด แต่คราวนี้เปลี่ยนขุมพลังอีกครั้ง เดินหน้าตามเวอร์ชั่น Conceot ติดตั้งเครื่องยนต์ 3.4 ลิตร V8 500 แรงม้า พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวอีก 218 แรงม้า สร้างความหฤหรรษ์จากอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.1 วินาที เช่นเดียวกับค่าตัว $845,000 หรือเกือบ 26 ล้านบาท จึงทำให้ครองอันดับ 10 ของรถแพงที่สุดในโลก

เชฟโรเลต ครองแชมป์โลก รถแข่ง2012 WTCC สามสมัยซ้อน

ผงาดคว้าแชมป์โลกรถแข่ง2012ประเภททีมผู้ผลิตสามสมัยติดต่อกัน ปิดท้ายฤดูกาลแข่งขันด้วยการเก็บคะแนนสะสม 1,025 แต้ม มากที่สุดเป็นประวัติการณ์หลังคว้าชัยชนะสุดยิ่งใหญ่ในสองเรซสุดท้าย ยอดจำหน่ายเชฟโรเลต ครูซ ถือว่าประสบความสำเร็จเช่นกัน ด้วยตัวเลข 1.8 ล้านคันทั่วโลก

มาเก๊า – เชฟโรเลต ผงาดคว้าแชมป์โลกการแข่งขันเอฟไอเอ เวิลด์ทัวริ่งคาร์แชมเปี้ยนชิพ (FIA World Touring Car Championship – WTCC) ทั้งประเภททีมผู้ผลิตและนักขับ ปิดท้ายฤดูกาล 2012 อย่างยิ่งใหญ่ที่สนามแข่งสุดท้ายในเขตปกครองพิเศษมาเก๊า

การช่วงชิงตำแหน่งแชมป์โลกประเภทนักขับต้องดวลกันถึงเรซสุดท้ายของสนามรถแข่ง2012ในมาเก๊า ซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่างสามนักแข่งของทีมเชฟโรเลต ครูซ WTCC เนื่องจากนักแข่งจากทีมอื่นนั้นไม่มีคะแนนสะสมมากพอที่จะแย่งตำแหน่งแชมป์โลกประจำปีนี้

เชฟโรเลต ยังสร้างสถิติใหม่ในฤดูกาล 2012 ด้วยการมีคะแนนสะสมมากถึง 1,025 คะแนน หลังจากสามารถคว้าชัยชนะสองอันดับแรกในเรซที่หนึ่งและยึดตำแหน่งบนโพเดี้ยมได้ทั้งหมดในเรซที่สอง เชฟโรเลต ยังเป็นทีมผู้ผลิตรายแรกที่สามารถทำคะแนนเกินหลัก 1,000 แต้ม ทิ้งห่างอันดับสองที่มีเพียง 650 แต้มเท่านั้น ตอกย้ำถึงความยอดเยี่ยมของรถแข่งเชฟโรเลต ครูซ WTCC ทั้งสามคันในการแข่งขันประจำปีนี้

การแข่งขันที่มาเก๊า ถือเป็นสนามสุดท้ายของทีมเชฟโรเลต ในการร่วมชิงชัยรายการ WTCC หลังจากลงแข่งขันมายาวนานแปดปีเต็ม ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการคว้าแชมป์โลกสามสมัย (ทั้งประเภททีมผู้ผลิตและนักขับ) และคว้าชัยชนะทั้งหมด 68 เรซ ขณะเดียวกัน นักแข่ง Darryl O’Young ภายใต้สังกัด Bamboo Engineering Cruze ยังสามารถเก็บคะแนนสะสมประเภท Independents’ Trophy ได้ในการแข่งขันทั้งสองเรซสุดท้ายอีกด้วย ทั้งนี้ การคว้าแชมป์โลกประเภทนักขับที่สนามมาเก๊าถือเป็นแชมป์สมัยที่สามติดต่อกันของเชฟโรเลต และเรย์ มัลล็อก (RML) บริษัทพันธมิตรที่ร่วมพัฒนารถแข่ง หลังจากคว้าแชมป์ประเภททีมผู้ผลิตมาแล้วที่สนามซูซูกะ ประเทศญี่ปุ่น

ชัยชนะของเชฟโรเลต ครูซ ในสนามแข่ง ก้าวไปพร้อมกับความสำเร็จด้านยอดจำหน่ายของครูซซึ่งยังคงเป็นรถที่มียอดขายสูงสุดของเชฟโรเลต โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เชฟโรเลต ทำยอดขายครูซทั่วโลกได้ที่ 68,217 คัน เติบโตขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนปีที่แล้วซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 59,837 คัน

นับตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงปัจจุบัน เชฟโรเลต ครูซ มียอดขายรวมมากกว่า 1.8 ล้านคันทั่วโลก ตัวเลขดังกล่าวครอบคลุมถึงครูซที่จำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์อื่นอย่างโฮลเด้น ในออสเตรเลีย สำหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในสิบตลาดที่มียอดจำหน่ายเชฟโรเลต ครูซมากที่สุดในโลก โดยมีตัวเลขรวมอยู่ที่ 15,772 คัน นับตั้งแต่รถแข่ง2012 เป็นต้นมา

จากโตเกียว ออโต ซาลอน สู่งาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013

หลังจากที่คณะผู้จัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 นำโดย วิลักษณ์ โหลทอง ประธานการจัดงานฯ ได้จัดงานแถลงข่าวความพร้อมการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 ครั้งที่ 2 งานแสดงรถแต่งและอุปกรณ์โมดิฟายยิ่งใหญ่ครบครันที่สุดของไทยตั้งแต่วันที่ 20-30 มิถุนายน 2556 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท ขยายพื้นที่การจัดงานเป็น 40,000 ตารางเมตร ตั้งเป้าผู้ร่วมแสดงประมาณ 400 บูท และผู้เข้าชมงานมากกว่า 1,000,000 คน ล่าสุดคณะผู้จัดงานได้จัดทริปพิเศษดูงาน โตเกียว ออโต ซาลอน 2013 ณ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 10-15 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา


สำหรับการดูงาน โตเกียว ออโต ซาลอน คณะผู้จัดงานมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ร่วมออกบูทและสื่อมวลชนชาวไทยได้สัมผัสต้นตำหรับ จัดงานระดับสากลบนพื้นที่อันกว้างขวาง Makuhari Messe ในหลายอาคารยักษ์ทั้งในร่มและลานกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งการจัดงาน โตเกียว ออโต ซาลอน 2013 ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 32 มีทั้งหมด 11 ฮอลล์เพิ่มขี้นจากปีที่แล้วที่มี 8 ฮอลล์ ขยายพื้นที่การจัดงานเป็น 72,000 ตารางเมตรจากปีก่อน 54,000 ตารางเมตร พร้อมการอวดโฉมรถแต่งที่นำมาโชว์มาจากหลากหลายพร้อมด้วยเทรนด์และเทคโนโลยีแต่งรถที่ล้ำสมัย ตลอดระยะเวลาการจัดงาน 3 วันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11-วันอาทิตย์ที่13 มกราคม 2556 มีผู้คนแห่เข้าชมเนืองแน่นรวมหลายแสนคน

โตเกียว ออโต ซาลอน งานแสดงรถยนต์โมดิฟาย อุปกรณ์แต่งรถยนต์ จักรยานยนต์ ตลอดจนสินค้าประดับยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของเอเซีย จนได้รับความยอมรับว่าเป็นอันดับ 1ของโลก มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบการแต่งรถทั้งแนวสวยงาม ดุดัน หรูหรา และแบบเน้นความรุณแรงแบบรถแข่งทั้งทางเรียบ ทางฝุ่น รถมอเตอร์ไซค์ รถแดร็ก ฯลฯ ได้ชมเป็นแบบอย่างเพื่อให้แต่งได้ในสไตล์ที่ถูกใจ โดยมีผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่นเองทั้ง โตโยต้า ฮอนด้า มาสด้า นิสสัน อีซูซุ ซูบารุ ฯลฯ และรถยนต์ชั้นนำจากทั่วโลก บริษัทโมดิฟายรถอย่างเป็นทางการ สำนักแต่งรถ จนถึงผู้ค้ารายย่อยที่ผลิตสินค้าแต่งรถมาออกงานถึง 452 บริษัทฯ รถยนต์ที่ได้รับการแต่งเพื่อมาโชว์ และแนะนำสินค้าร่วมแล้ว 802 คัน โดยเสนอสินค้าผ่านบูธจำหน่ายสินค้ามากถึง 3,608 ร้านค้าเลยทีเดียว


ภายในงานครั้งนี้มีการจัดพิธีเปิดงาน ซึ่งนับเป็นโอกาสพิเศษที่คณะกรรมการการจัดงานได้เชิญ วิลักษณ์ โหลทอง ประธานการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน ซึ่งเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการจากญี่ปุ่น ร่วมทำพิธีตัดริบบิ้นซึ่งเคยมีมาก่อนเพื่อเปิดงานร่วมกับ มร.โมริโอะ ซาคาโมโตะ รองผู้ว่าราขการจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น, คณะผู้จัดงาน โตเกียว ออโต ซาลอน เพื่อเปิดงานอย่างเป็นทางการ

วิลักษณ์ โหลทอง ประธานการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 เผยว่า “รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมในงานนี้ ซึ่งคณะผู้จัดงานได้เป็นพันธมิตรธุรกิจกับ โตเกียว ออโต ซาลอน ได้จัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีผู้เข้าชมงานมากกว่า 700,000 คน รถยนต์ร่วมแสดงมากกว่า 250 คัน

ขณะที่ผู้ร่วมออกร้านมากกว่า 110 บริษัท เนื่องจากในประเทศไทยสนใจการโมดิฟาย และแต่งรถเช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในปี 2556 นี้จะจัดงานเป็นครั้งที่ 2 โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-30 มิถุนายน 2556 มีการขยายพื้นที่การจัดงานจาก 20,000 เป็น 40,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับผู้ร่วมออกบูธได้อย่างสูงสุด ตั้งเป้าผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 400 บูธ และผู้เข้าชมงานมากกว่าล้านคน

โดยแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน คือ พื้นที่แสดงรถของบริษัทรถยนต์ทั้งเอเชียและยุโรปที่จะร่วมออกบูธมากขึ้น พื้นที่แสดงรถแต่งที่นำมาจากประเทศญี่ปุ่น และพื้นที่สำหรับบริษัทผู้จำหน่ายอุปกรณ์โมดิฟายรถประเภทต่างๆ สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 ในปีหน้า ได้วางแผนใช้งบกว่า 300 ล้านบาท แบ่งเป็น 150 ล้านบาท ในการจัดงานและกิจกรรมภายในงานทั้งหมด และอีก 150 ล้านบาทในการใช้สื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน

เราหวังจะก้าวตามความสำเร็จเช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแม่แบบในการจัดงาน ดังที่ปรากฏในการจัดงานโตเกียว ออโต ซาลอน ในวันนี้ พร้อมกันนั้นขอขอบพระคุณคณะกรรมการการจัดงานที่ให้ตนได้มีส่วนรวมในพิธีเปิดที่ยิ่งใหญ่


นอกจากนั้นในงาน โตเกียว ออโต ซาลอน ได้มีบูธ บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน เข้าร่วมแสดงในงานที่โตเกียว เพื่อแสดงศักยภาพและเปิดรับสำนักแต่งจากญี่ปุ่นมาร่วมโชว์ในไทย พร้อมด้วยกิจกรรมมากมาย ทั้งการให้ผู้โชคดีจากการจัดงานปีที่ผ่านมาได้นั่งรถดริฟท์จากฝีมือการขับของนักแข่งรายการ ดีวัน กรังค์ปรีซ์ ซีรี่ส์ ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ไฮไลท์ที่ได้รับความสนใจกับช่วงการแนะนำตัวพร้อมการแสดงจากเอ-คลาส เกิร์ล ไทยแลนด์ ขึ้นเวทีประชันกับสาว เอเคลาส เกิร์ล ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแสดงความสามารถอีกด้วย


ด้วยประสบการณ์ทั้งหมดของ โตเกียว ออโต ซาลอน จะถูกถ่ายทอดสู่งาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 ครั้งที่ 2 งานแสดงรถแต่งและอุปกรณ์โมดิฟายยิ่งใหญ่ครบครันที่สุดของไทยตั้งแต่วันที่ 20-30 มิถุนายน 2556 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิดที่มุ่งพัฒนาให้เป็นงานแสดงรถแต่งและอุปกรณ์โมดิฟาย ที่เน้นการแสดงเทคโนโลยีเพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นเวทีศูนย์กลางแลกเปลี่ยนนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัยระดับประเทศและระดับภูมิภาคในอนาคต และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการทั้งบริษัทรถระดับแนวหน้า รวมถึงผู้ประกอบการจำหน่ายอุปกรณ์โมดิฟายประเภทต่างๆที่จะได้นำยนตรกรรมมาประชันอย่างเต็มที่ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013

Engine for Retro Car : เปลี่ยนหัวใจ ปลุกม้าแก่ !!!

แต่งรถทำไมต้องเปลี่ยนเครื่อง และเมื่อไรที่ควรเปลี่ยน
เครื่องยนต์ยุคเก่า มีแรงม้าไม่มาก และเมื่อมันผ่านเวลามานมนานกาเลขนาด 20-30 ปี แน่นอนครับ ว่ากำลังวังชามันย่อมไม่เหลือเท่าไรหรอก ด้วยเทคโนโลยีโบราณ ประกอบกับสภาพเครื่องที่เริ่มโทรม จึงทำให้อัตราเร่งไม่ดี ไม่มีกำลัง มีปัญหาจุกจิก เจ็บออด ๆ แอด ๆ แถมยังกินน้ำมันมากอีก ไม่คุ้มค่าที่จะใช้มันต่อไป แม้บางท่านจะลงทุนโอเวอร์ฮอล หรือ “ฟิตใหม่” ก็ตาม มันก็ไม่กลับมาเหมือนเดิม 100 % ครับ เพราะท่านคงไม่ได้เปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่างในเครื่อง (เว้นแต่คนเล่นตังค์ถึง เบิกใหม่ทุกชิ้นอันนั้นไม่นับ) และยังมีเรื่องการสึกหรอของวัสดุอีก เรียกง่าย ๆ ว่า “ล้า” นั่นเอง โอเคล่ะ ถ้าเครื่องท่านไม่ได้โทรมมากนัก ซ่อมกลับมาด้วยงบไม่แพง และไม่ได้เน้นกำลังมากมายนัก มันก็พอจะใช้ของเดิมได้อยู่ แต่ถ้าท่านคิดว่า เมื่อเครื่องเดิมให้การตอบสนองที่ไม่พอเพียง และหาอะไหล่ยาก หาช่างที่เข้าใจในการซ่อมเครื่องรุ่นเก่ายาก หรือหาไม่เจอ ต้องการกำลังเร่งแซงมากขึ้น ต้องการเครื่องที่ดูแลรักษาง่าย อะไหล่เยอะ นี่แหละครับ ท่านจะต้องหาเครื่องรุ่นใหม่มาเปลี่ยนได้แล้วล่ะ ก็ต้องเปลี่ยนเครื่องรุ่นใหม่ เราจะมาคุยกันในบรรทัดต่อไป

เลือกเครื่องอย่างไร ให้เหมาะสมกับตัวรถ ไม่ใช่บ้าเห่อบ้าแรงอย่างเดียว
เมื่อท่านตัดสินใจจะเปลี่ยนเครื่องตัวใหม่แล้ว ก็ต้องผ่านการ “พิจารณากันก่อน” ว่าไอ้เจ้าแก่ที่ท่านควบอยู่น่ะ “มันเหมาะที่จะวางเครื่องรุ่นไหน” รถแต่ละรุ่น ขนาดไม่เท่ากัน มีพื้นฐานที่ไม่เหมือนกัน มันมีตัวเลือกหลากหลายเลยครับ ที่ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเห็นบางคนเลือกเครื่องไม่เหมาะสมกับรถ รถเล็ก ดันบ้าแรงจะใส่เครื่องใหญ่ 6 สูบ เทอร์โบ เอาว่าวางลงไปต้องแหกต้องตัดห้องเครื่อง ตัดคาน บ้าบอคอแตกสารพัด โดยหวังว่ากูจะแรงท่าเดียว ท้ายสุดก็ทำไม่จบ หรือจบออกมาเละ ๆ เทะ ๆ ขับไม่ได้เรื่อง แถมอันตรายอีกต่างหาก เอาว่าพังรถไปเลยคันนึง บางคนทำออกมาไม่ได้ตามฝัน ก็มานั่งเสียใจ เสียดายเงิน เสียดายรถ เจอมาเยอะแล้วครับ เตือนด้วยความเป็นห่วงจริง ๆ อีกเคสหนึ่ง รถกลาง รถใหญ่ แต่ดันอยากประหยัด กลัวกินน้ำมันมาก เลยวางเครื่องเล็ก ๆ เอาล่ะสิ กำลังไม่พอ เลยกลายเป็นอัตราเร่งอืด กินน้ำมันมากนรกแตก เครื่องโทรมเร็ว เกียร์ออโต้พังไว นั่นคือเรื่องที่เจอกันบ่อย ๆ เหมือนกัน


อีกประการ ควรจะเลือกเครื่องที่ “มีแรงม้าเหมาะสม ที่ตัวรถจะสามารถรับได้” แม้ว่ารถคันนั้นจะวางเครื่องแรง ๆ อย่างตระกูล JZ, RB, UZ ได้ก็ตาม แต่พื้นฐานช่วงล่างและเบรกที่ไม่เหมาะสม รถรุ่นเก่า ๆ จนไปถึง “เก๋า” ช่วงล่างและเบรกมันเป็นแบบพื้น ๆ เช่น ช่วงล่างแหนบ เบรกเล็ก ทำให้ไม่สามารถรองรับแรงม้าเยอะ ๆ ได้ เวลากดคันเร่งเต็ม ๆ เทอร์โบบูสต์เต็ม รถจะเลื้อย ส่าย หรือปัดจนขวางลำ ทำให้ “ม้วน” เข้าเสาไฟได้ง่าย ประกอบกับตัวถังรถเก่าจะ “บิดตัวง่าย” ใส่เครื่องแรงจะทำให้ตัวถังบิด (เรื่องจริงไม่อำ) จึงใส่เครื่องที่แรงม้าพอเหมาะก็พอ พวกเครื่องไม่มีเทอร์โบ จะได้ไม่เดือดร้อนงบบานทำอย่างอื่นเพิ่มเติมมากจนเกินไป และไม่ต้องตัดตัวถังเพื่อติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์ และร้อยท่อเทอร์โบต่าง ๆ ให้วุ่นวายและเสียรถ เอาละครับ พูดกันมามากมายแล้ว เราลองมาดูกันว่า รถเก่ายอดนิยมแต่ละรุ่นที่เราคัดมาพูดถึง (พูดทุกรุ่นไม่ไหวครับ ตาย) เหมาะกับเครื่องตัวไหนบ้าง


COROLLA KE ทั้งหลาย
ยอดนิยมตลอดกาล กับ KE Series ซึ่งเป็น COROLLA ตระกูลขับหลัง ที่จะเห็นมาก ก็เริ่มตั้งแต่ KE20, KE30 เครื่องเดิมตระกูล K ถ้าอยากจะเปลี่ยนเครื่องแบบง่ายที่สุด ไม่ต้องดัดแปลงมาก ที่เหมาะสมคือ 7K-E 1,800 cc. เป็นเครื่องตระกูล K เหมือนกัน (คงได้เคยเห็นไปแล้วใน STARLET KP47 ที่เพิ่งโชว์โฉมไป) วางได้ง่าย ขนาดเครื่องไม่ใหญ่ไปจากเดิมมากนัก ไม่ต้องดัดแปลงมาก มีก็นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ต้องแหกห้องเครื่องใด ๆ ทั้งสิ้น แรงม้าและแรงบิดดี เหมาะสม ไม่แรงมากเกินไป ขับง่าย ประหยัดน้ำมัน ติดแก๊สสบาย เหมาะกับการใช้งานจริง ๆ


ส่วน KE70/TE70 คนมีเงินก็มักจะหา 4A-GE 20 วาล์ว มาวางกันไป อันนั้นก็ทำได้ถ้าอยากแรงและมีงบประมาณเยอะหน่อย แต่ต้องมาชนเกียร์ขับหลัง และตัวจานจ่ายต้องเปลี่ยนมาเป็นแบบแยก เนื่องจากมันเป็นเครื่องขับหน้า วางขวาง พอจับเครื่องหันตรง จานจ่ายเดิมจะทิ่มไปที่ผนังห้องเครื่องด้านหลัง เวลาจะถอดจานจ่ายมันยาก ต้องยกเครื่องลอยออกมา ดูจะยุ่งยากพอสมควร แต่ส่วนใหญ่คนก็มักจะเปลี่ยนจานจ่ายซิ่งกันอยู่แล้วเลยไม่เป็นปัญหา ถ้าอยากใช้งานทั่วไป ก็ 7K-E นั่นแหละครับ เหมาะสมสุด หรือถ้าอยากจะเอาวิ่งดี ไม่จี๊ดจ๊าดมาก ไฮเทค ประหยัดด้วย ก็นี่เลยครับ 3S-FE 2,000 cc. ขับหลัง เกียร์ออโต้ เป็นเครื่องแบบ Direct Coil แล้ว แต่ก่อนตัวนี้ จะมี 4S-FE 1,800 cc. ขับหลังเหมือนกัน แต่ก็ติดปัญหาจานจ่ายเหมือน 4A-GE ส่วน 3S-FE จะไม่มีจานจ่ายแล้ว ไหน ๆ แล้ว เล่น 3S-FE ขับหลังทีเดียวเลยดีกว่า ทันสมัยกว่า แรงบิดดีกว่า ประหยัดไม่หนีกัน แต่จะมีเกียร์ออโต้อย่างเดียวนะครับ เกียร์ธรรมดาต้องไปหาชนเอาเอง


CORONA RT100/TT131/TT141
ตระกูล CORONA ขับหลัง ที่ยังพอมีเหลือให้เห็นอยู่ เริ่มกันจาก RT100 รุ่นหน้าเบนซ์ ที่จะมียุคคุณลุง คุณปู่ หรือวัยรุ่นบางคนก็ยังหามาแต่งรถเล่นอยู่ รุ่นนี้เหมาะสมก็จะเป็นเครื่อง 3S-FE ขับหลัง เหมาะมาก ๆ กับ CORONA 3 รุ่นที่ว่ามาเลย วางได้ทั้งหมด ส่วน TT141 หรือ “หน้าแหลม” รุ่นนี้ยังมีเห็นกันมากในท้องตลาด อยากจะแรงมากขึ้น ขับออกต่างจังหวัดบ่อย ถ้าคิดว่า 3S-FE ไม่พอ ออกจะบ้าพลังนิด ๆ ก็จับ 1JZ-GE ลงไปก็พอแล้ว แรงม้า 180 PS เพียงพอเหลือ ๆ กับการขับทั่วไป ไม่ต้องไปดิ้นรนเล่นกับ 1JZ-GTE เทอร์โบ ที่ออกจะแรงเกินไป มันจะบานไปทำอย่างอื่นอีกเยอะ และเกินคำว่าใช้งานไปมาก
CROWN และ CEDRIC

TOYOTA CROWN และ DATSUN/NISSAN CEDRIC เป็นรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ มีน้ำหนักมาก ตามความใหญ่โตโอฬารของมัน ถ้าจะวางเครื่องเล็กมันคงไปไม่รอด อย่างน้อยก็ต้องมี 1JZ-GE ขึ้นไป ถ้าจะให้เหมาะสม 2JZ-GE เหมาะสุด เป็นเครื่อง 3,000 cc. มีแรงบิดดีในรอบต่ำ อัตราเร่งแซงดีกว่า จ่ายค่าเครื่องแพงอีกนิดเดียว แต่ได้อัตราเร่งติดเท้าคุ้มกว่ากันเยอะ ส่วนฝั่ง DATSUN/NISSAN ก็จะมี RB25DE ที่สมน้ำสมเนื้อ สำหรับคนที่ไม่ชอบเครื่องข้ามยี่ห้อ แล้วก็มี RB25DET เทอร์โบ 250 แรงม้า ให้เลือกเล่นอีกถ้างบถึง ถ้าแนวบ้าพลังหน่อย ก็ 1JZ-GTE หรือถ้าอยากแรงหลุดโลก ก 2JZ-GTE แต่เครื่องแพงนะบอกไว้ก่อน ต้องทำเบรกกับช่วงล่างเยอะ ถ้างบเหลือก็เอาเลยครับ แต่ถ้าไม่อยากยุ่งกับเทอร์โบ อยากแรงนิ่ม ๆ เงียบ ๆ ตัวนี้เลยมาแรง 1UZ-FE V8 280 แรงม้า กำลังนิยมมาก กำลังเหลือเฟือไม่ต้องพึ่งเทอร์โบ ถ้าเดินสายไฟครบ ๆ ก็ไม่กินน้ำมันมากอย่างที่คิด ถ้าจะเล่น แนะนำตัว VVT-i เป็นเครื่องที่จะสดใหม่ และขับดีที่สุด วางได้ทั้ง CROWN และ CEDRIC ดูดี ขับเงียบ แรงแบบนุ่ม ๆ แนวผู้ใหญ่ชอบ


SUNNY B210/B310
ตัวโคตรนิยมไม่แพ้ KE แต่รถจะหายากกว่า เพราะตอนเปิดตัวราคาค่อนข้างแพง คนเลยนิยมน้อยกว่า แต่ก็ยังมีเล่นกันมากอยู่ สำหรับเครื่องเดิมเป็นตระกูล A12 ความจุน้อย ได้ดีที่ประหยัด แต่ถ้าเครื่องมันโทรม ลองหา A15 ดู ความจุมากขึ้น ได้แรงขึ้นมาอีกนิด ลงได้ไม่ต้องแปลง ถ้าอยากแรงขึ้น แนะนำ SR20DE ไม่มีเทอร์โบ 140-160 แรงม้า แล้วแต่รุ่น เหลือเฟือแน่นอน เครื่อง SR มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ขับสนุกไม่แรงมากจนเกินไป อัตราเร่งดีแน่นอน อะไหล่ก็หาไม่ยาก ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดา ก็ไม่น่าจะติดซุ้มเกียร์ แต่ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ จะต้องเคาะซุ้มเกียร์เดิมหลบบางจุด เพราะเกียร์มันใหญ่กว่าเดิม แต่ไม่ถึงกับต้องแหกจนเสียรถครับ ส่วน SR20DET เทอร์โบ 205 แรงม้า ตัวเลขแรงม้ามันยั่วใจดีเนอะท่าน แต่ผมไม่แนะนำหรอก มันแรงเกินไปน่ะ รถมีน้ำหนักเบาไม่ถึงตัน น่าจะเกิดอันตรายมากเวลาเอาไม่อยู่ เตือนไว้ก่อนนะครับ


MITSUBISHI LANCER A173
ตระกูลมิตซูบิชิ ค่อนข้างจะอาภัพหน่อย อย่างตระกูล GTO ที่นิยม ส่วนใหญ่ก็จะเน้นเครื่องเดิมกัน เพราะมันคือรถสะสมที่ไม่มีการนำมาใช้งานทั่วไป ตัวที่จะพอเห็นใช้งานบ้าง ก็คือ “กล่องไม้ขีด” A173 นี่เอง ที่ยังพอจะเห็นบ้าง มันยังคงเป็นรถครอบครัว (เล็ก) ได้อยู่ สมัยก่อน ตัวนี้จะแรงกับ G62B หรือ “ซิริอุสเทอร์โบ” ยิ่งถ้าเป็น “แดช” ตัว 200 แรงม้า อันนั้นระเบิดระเบ้อทั้งในวงการแรลลี่ และวงการซิ่งหน้าพาเลซ แต่ปัจจุบันอย่าเพิ่งฝันหวานครับ มันหมดไปตามกาลเวลา เครื่องมิตซูขับหลังก็ไม่มี ยังงั้นต้องยอมข้ามพันธุ์ ใช้งานปกติก็ 3S-FE ขับหลัง หรือ SR20DE ของ NISSAN หรือจะซิ่ง ก็ SR20DET วางไปให้สมใจอยาก


BENZ W123
มหานิยมของเหล่าป๋า ๆ ทั้งหลาย รถรุ่นนี้มีราคาไม่แพง และมีความนิยมต่อเนื่อง จากการที่มันเป็นรถใหญ่ นั่งสบาย ดูคลาสสิคไม่ตกยุค อะไหล่มีเยอะและบางชิ้นก็ไม่แพงอย่างที่คิด (ถูกกว่ารถญี่ปุ่นแบบเหลือเชื่อก็มีหลายอย่าง) จึงมีคนนำมาทำใช้กันอยู่มาก แต่ก็ต้องระวังเรื่องผุเยอะ หลายคนทำสีกลบมาแป๊บเดียวก็ปูด สำหรับเครื่องที่จะวางลงไป โอ๊ย มีหลากหลาย สิ้นคิดก็ JZ จะ 1 หรือ 2 ก็แล้วแต่อยากแรงขนาดไหน ส่วนตัวผมแนะนำ 2JZ-GE ดีกว่า 220 แรงม้า แรงกำลังดี ไม่ต้องไปเจาะตัวถังใส่อินเตอร์แบบพวกเทอร์โบด้วย ดูแล้วยังมีลุคคลาสสิคเดิม ๆ ถ้ามีอินเตอร์โผล่มาจะดูแปลกตาสำหรับคนแนวอนุรักษ์ทันที ถ้าอยากได้กำลังเหลือ จัดนี่ไปเลย 1UZ-FE กำลังแรงบิดตีนต้นเหลือ ๆ เหมาะสำหรับเฟืองท้ายอัตราทดต่ำ ๆ ของ BENZ


BMW E21/E30
รุ่นนี้ไม่ต้องพูดถึงกันมาก ยอดนิยมตลอดกาลของฝั่งยุโรป โดยเฉพาะ E30 เรียกว่าเห็นกันได้ทั่วไป ตัวรถมีสมรรถนะดี คล่องตัว น้ำหนักไม่มาก ช่วงล่างใช้ได้เลย จึงมีคนนิยมใช้กันอยู่มาก ทั้งเดิม ๆ และแต่งซิ่ง เครื่องยนต์ที่เหมาะสมกับมันจริง ๆ ก็คือ SR20DE และ SR20DET ที่ดูจะลงตัวในทุก ๆ ด้าน เอาว่าวางได้สวยกำลังดี เรี่ยวแรงก็กำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป ก็แล้วแต่ว่าท่านอยากจะซิ่งขนาดไหน ส่วนตระกูล JZ คนอยากแรงก็จัดไป แต่มันจะแน่นห้องเครื่องไปหน่อย เพราะอุปกรณ์พวกเทอร์โบมันเยอะไปหมด หัวรถจะค่อนข้างหนัก แรงได้หลัก ๆ ก็ทางตรง สะใจคนชอบแข่ง Drag มากกว่า ถ้าใช้งานจริง ๆ ขับ Balance ดี ๆ SR พอแล้วครับ หรือถ้าอยากได้เครื่อง BMW เหมือนเดิม ก็ไปหา M42 ทวินแค็ม 2,000 cc. เครื่องของ E36 318 iS มาวางได้เหมาะสมดี เครื่องไม่แพง และยังเป็น BMW เหมือนเดิม
ก็จบกันไปอีกเรื่องหนึ่งนะครับ หวังว่าคงเป็นแนวทางในการตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องให้กับไอ้แก่ เจ้าแก่ หรือลุงแก่ แล้วแต่คุณจะเรียกรถเก่าของคุณ บอกอีกครั้งว่า “เราแนะนำในความเหมาะสมกับการใช้งานจริงเป็นหลัก” เราไม่ได้พูดถึงเรื่องความแรงเพียงอย่างเดียว อันนั้นใครก็ทำได้ครับ จะแหกจะตัดจะแปลงอะไรก็ตามสะดวก แต่มันใช้งานได้ไม่ดี อันนี้เราทำเป็นไกด์ให้ท่านลองนึกกันดูว่าจะเล่นกับเครื่องตัวไหน ส่วนราคาเครื่อง เราขออภัยที่ไม่ได้บอกไว้ เนื่องจากราคาเครื่องมีการผันผวนตลอด บางทีเดือนเดียวปรับขึ้นลงสองสามครั้ง แต่ละร้านไม่เท่ากันอีก แล้วแต่สภาพและอุปกรณ์อะไรหลายอย่าง จึงต้องขอให้ท่าน Search หาดูเองตามความพอใจ โชคดีได้เครื่องสำหรับแต่งรถที่ดีและใช้งานได้นานๆ

สรุปผลการ แข่งรถ Lotus Cup Thailand 2012

การแข่งรถ Lotus Cup Thailand 2012 สนามที่ 5 – 6 ในสนามนี้มีรถลงแข่งขันรวม 13 คัน โดยในการแข่งครั้งนี้ นิช  คาร์ ได้จัดร่วมกับ ตำนานของวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย ที่เนรมิตชายหาดบางแสน แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย ให้กลายเป็นสนามแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล และตัวสนามยาวที่สุดในประเทศไทยถึง 3,700 เมตร เพื่อรองรับการแข่งขันในปีนี้กว่า 200 คัน ซึ่งเป็นรายการแข่งขันรายการใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

โดยในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 เป็นวันที่นักแข่งได้ซ้อมขับในสนามจริง ซึ่งเป็นการแข่ง Bangsaen Speed Festival ครั้งแรกของนักแข่งหลายท่านและเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชิวิตการเป็นนักแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่น่าตื่นเต้นและประทับใจ และในตอนบ่าย ได้มีการควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับการออกตัวในวันถัดไป    ผลการควอลิฟายในรอบแรก แจ็ค แลมวาด ทำเวลาดีที่สุดคือ 2.04.799 นาที ถัดมาเป็น คุณชวนินทร์      บัณฑิตกฤษดา ทำเวลาดีที่สุดคือ 2.09.791 นาที

การแข่งในสนามที่ 5 เริ่มต้นขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 22 ธันวาคม 2555 กับบรรยากาศริมชายหาดบางแสน ซึ่งผลการแข่งขันในวันนี้ อันดับที่ 1 ยังคงเป็น แจ็ค แลมวาด ทำเวลารวม 15.02.00 นาที ลำดับที่ 2 คือ    คุณชวนินทร์  บัณฑิตกฤษดา ซึ่งทำเวลาตามหลังด้วยเวลา 16.737 วินาที และอันดับ 3 คือ คุณวิทวัส ชินบารมี 18.056 วินาที ซึ่งผลการแข่งขันออกมาดังนี้

สนามที่ 5 class A จำนวนรอบทั้งหมด 7 รอบ
1.       แจ็ค แลมวาด                  Total Time : 15.02.00  Best Lap Time : 2.05.937
2.       ชวนินทร์  บัณฑิตกฤษดา   Total Time : 15.18.737 Best Lap Time : 2.09.156
3.       วิทวัส ชินบารมี                Total Time : 15.20.056 Best Lap Time : 2.08.325

สนามที่ 5 class B จำนวนรอบทั้งหมด 7 รอบ
1.       ชิน ญานจิรเวช                Total Time : 15.53.330 Best Lap Time : 2.12.953
2.       วรุตม์ สีหนาท           Total Time : 15.54.987 Best Lap Time : 2.12.228
3.       วิฑูรย์ กุลธวัชชัย              Total Time : 16.11.120 Best Lap Time : 2.14.644

การแข่งรถสนามที่ 6 ในวันที่ 23 ธันวาคม 2555 ซึ่งเป็นวันที่อากาศสดใสมากอีกวันของการแข่งขันทั้งหมดตั้งแต่เปิดงานบางแสนฯ มา นักแข่งทุกท่านจึงสามารถใส่กำลังกันได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเป็นสนามสุดท้ายของปี ทุกท่านเลยตั้งใจในการขับกันด้วยหัวใจเกินร้อย ผลที่ได้ แจ็ค แลมวาดเข้าเส้นชัยฝ่านธงตราหมากรุกเป็นคนแรก โดย คุณชิ ชินพล จาก CTS จากที่ไม่มีตำแหน่ง ในสนามที่ 5 แต่ในวันนี้กลับมาเป็นที่ 2 ของ Class A ส่วนใน Class B ก็ได้ คุณวรุตม์ สีหนาท เบียดนำ คุณ โจ (ชิน ญานจิรเวช) จาก RevSpec  เข้าเป็นที่ 1 ซึ่งผลการแข่งขันออกมาดังนี้

สนามที่ 6 class A จำนวนรอบทั้งหมด 7 รอบ
1.       แจ็ค แลมวาด                    Total Time : 15.15.343 Best Lap Time : 2.06.612
2.       ชินพล จงประเสริฐ              Total Time : 15.24.036 Best Lap Time : 12.06.924
3.       ชวนินทร์  บัณฑิตกฤษดา      Total Time : 15.25.362 Best Lap Time : 2.09.465
สนามที่ 6 class B จำนวนรอบทั้งหมด 7 รอบ
1.       วรุตม์ สีหนาท                Total Time : 10:50.644 Best Lap Time : 1:17.877
2.       ชิน ญานจิรเวช                Total Time : 10:51.684 Best Lap Time : 1:18.392
3.       ธนัฐณ์ ธัญทวีวิเชียร          Total Time : 10:52.563 Best Lap Time : 1:18.943

การแข่งขันครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก ท่อไอเสีย  Larini, ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด  (มหาชน), บริษัท พี แอนด์ พี ซุปเปอร์วีล จำกัด, บริษัท บี-ควิก จำกัด, นิตยสารในเครือ inspire, บุญถาวร,ห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน,ผู้แทนจำหน่ายผ้าเบรค N – Sport , นาฬิกาโอเวอร์ไซน์ดีไซด์เฉียบ แบรนด์ดังจากเนเธอแลนด์ TW Steel , ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น Maxima , AutoZkin ศูนย์บริการติดตั้งนวัตกรรมฟิล์มใสปกป้องสีรถ , CTS  ศูนย์เคลือบสีอันดับ 1 ด้วยระบบ Crystal Sealed และ ชุดนักแข่ง OMP จากบริษัท วัฒนาออโต้เซลล์ จำกัด, ยางรถยนต์ โยโกฮามา, กล้องวีดีโอ GoPro, เรือยอร์ช Princess, ผลิตภัณฑ์ ดูแลผม Ginvera, เครื่องเสียงติดรถยนต์ Alpine และ LG

แล้วกลับมาเจอกันในงานฉลอง ผลการแข่งรถ Lotus Cup Thailand Champion Day ในวันที่ 21 มกราคม 2556 ที่ ศูนย์การค้า สยาม พารากอน

ค่ายรถยนต์ ฟอร์ด ฉลองความสำเร็จ พร้อม Go Further ในปี 56

ค่ายรถยนต์ ฟอร์ด ร่วมฉลองความสำเร็จโดยมี ทีมผู้บริหารและแขกวีไอพี ร่วมฉลองขอบคุณสื่อมวลชน (จากซ้ายไปขวา) - มร.สเตฟาน โอทิงเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด อาเซียน มร. นีล แมคคาร์ธี ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด อาเซียน นายอดิศัย สิริสิงห ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย มร. แมท แบรดลีย์ ประธาน ฟอร์ด อาเซียน นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท สื่อสากล จำกัด นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานบริษัท สื่อสากล จำกัด นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน รองประธานฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย และบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย นายอดิศักดิ์ หวังพงษ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบริการลูกค้า ฟอร์ด อาเซียน นายวิชิต ว่องวัฒนาการ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ฟอร์ด ประเทศไทย และนางสาวธิดายุทธ์ นพเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย

“ความสำเร็จของเรานั้นเกิดขึ้นมาจากแผน One Ford ที่เป็นแผนการทำงานระดับโลกที่ช่วยพลิกโฉมหน้าการดำเนินธุรกิจของฟอร์ดในประเทศไทยและในภูมิภาคโดยเน้นที่การเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์”  นายแมท แบรดลีย์ ประธาน ฟอร์ด อาเซียน กล่าว “สำหรับในปี 2556 นั้น ฟอร์ดจะ Go Further หรือ ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นหนึ่งในทุกๆอย่างที่เราทำและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีคุณภาพในระดับโลกและได้รับการผลิตภายใต้      กลยุทธ์ One Ford ให้แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น   ฟอร์ด เอคโค สปอร์ต ใหม่”

“ในปี 2555 ฟอร์ดได้ฉลองเหตุการณ์ที่สำคัญ ๆ หลายเหตุการณ์ รวมไปถึงการฉลองความสำเร็จด้านยอดขายซึ่งช่วยให้เราดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่กลายมาเป็นลูกค้าของเราในปัจจุบัน” นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน รองประธานฝ่ายการตลาด ฝ่ายขายและบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว “ในขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงของการส่งท้ายปีพร้อมกับความสำเร็จในประเทศไทย  ฟอร์ดยังมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าควบคู่ไปกับการสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในปีใหม่ที่กำลังมาถึง รวมทั้งขยายการเติบโตทางธุรกิจ  และการมอบการบริการจากค่ายรถยนต์ที่ได้มาตรฐานระดับโลกที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภค”

รถยนต์ ฮุนได Elantra single.8G ฮาร์ดขุนศึก anodized

รถยนต์ ฮุนไดเป็นจริงชื่อแบรนด์ที่ฉันได้ทำในค่อนข้างในขณะที่ (มากทั้ง) แล้วโดย PNA ก่อนหายไปโดยไม่ต้องติดตาม และยังมองไม่เห็นรถของผู้ซื้อผ่านประเทศไทย อีกครั้งจนมันมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถโฆษณาเป็นเรื่องง่ายถ้าคุณจำไว้อย่างมีประสิทธิภาพ, ฮุนไดอินเดียเปิดตัวโจมตี รถโซนาตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งรถกีฬายูทิลิตี้รถกระบะรถเก๋งรถบรรทุกเช่นเดียวกับพ่อคริสต์มาสนอกจากเอ็ดที่สามารถเรียกการตั้งค่าปัจจุบัน และยังสร้างภาพลักษณ์ผลิตก็ไม่ผิด และในเวลาของคลื่นในอุตสาหกรรมมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ของ Hyundai ว่าผู้คนจำนวนจะตระหนักถึง H-1Series สินค้าหลักเป็นตลาดตั้งแต่ h2o เทนี้ในขณะที่ กลายเป็นยูทิลิตี้แล้วกีฬาที่น่าสนใจทูซอนยานพาหนะเช่นเดียวกับโซนาต้าสี่ประตูกีฬาที่หรูหราเช่นเดียวกับที่รู้จักในภายหลังรุ่นถัดไปจากเกมในตลาดภายในประเทศไทยความยาวเพียงพอ การมาถึงของน้องชายสดมาให้อยู่ในสิ่งที่เรียกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งฮุนได Elantra เช่นเดียวกับฮุนได Elantra ที่ฉันสร้าง "ขุนศึกเครื่องครัวฮาร์ด anodized. โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมชาติดั้งเดิมตะวันตก" ภายในโพสต์ด้านล่างอย่างแน่นอนจะตอบว่า ... "

รูปแบบเพรียวบางที่เกิดขึ้นจริงจากในปัจจุบันและยังมีศักยภาพ
สไตล์ Fluidic Sc​​ulpture สามารถวิธีการในรูปแบบรถในโปรแกรมของวันนี้ ดำเนินการต่อไปในอนาคต ลดไม่ได้ผิดปกติท​​ี่จะมีความคล้ายคลึงกับการจำหน่ายทั่วไปเกี่ยวกับ Elantra Sonata แต่ในขณะเดียวกันกลับไปที่กีฬากว่าอารมณ์ และโฉบเฉี่ยวเมื่อเทียบกับมิติอย่างรวดเร็วที่เกิดขึ้นจริงของร่างกายทั้งหมด รวมกับการลดของความล้มเหลวภายในเว็บไซต์ - ขวาหลังจากเพื่อให้บรรลุประสบการณ์การเดินทางไกลคล่องตัวมากขึ้นเอง มากขึ้นในลักษณะความลึกได้รับการรู้จักจากอำนาจที่เกี่ยวข้องกับหลายตลาดตอบสนองรูปร่างโฉบเฉี่ยว ได้รับคู่ของแสงภายใต้หมอกควันรถและยังไหลย่างออกแบบอย่างสมบูรณ์พร้อมกับสไตล์เส้น เช่นเดียวกับโคมไฟท้ายแนวนอนรูปร่างโค้งมนไปส่วนหนึ่งพลังที่มีตู้ปลา และยังผสมผสานขนาด 18 นิ้วล้อเพิ่มแรสวางอยู่บนโชว์ผลงานมากระพริบเพื่อการศึกษาระดับปริญญาที่พบบ่อยของการป้องกันมากขึ้น

เชื่อมต่อสายเคเบิลภายในสภาพ B-และยังฟุ่มเฟือย
แขวนอยู่เหนือประตูทางเข้าของเฟส - หลังจากผลที่ได้คือขนาดใหญ่ภายในร่วมกับคอนโซลเช่นเดียวกับการออกแบบยางและขยายในขณะที่ใช้ Y สภาพเพื่อเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อที่น่าสนใจมัน ล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นไฟฟ้าสมบูรณ์ที่นั่งในรถกีฬาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับเพียง 10 ด้านของเจ้าของ นอกจากนี้ส่งผลให้เกิดในกระท่อมกว้าง แล้วเพิ่มความสนุกสนานรอบภายในความรู้สึกที่ทันสมัย​​ของพื้นที่ของเก้าอี้ที่ต่ำกว่า เพียงพลังงานด้านคนปรับเปลี่ยนได้มากที่สุดเท่าที่สิบแน่นอนด้วยระบบกลางการติดตั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สร้างอินเตอร์เฟซเสียงในเรื่องเกี่ยวกับ Aux รถบัสอนุกรมสากลและแท็บเล็ตยัง iPad, ซึ่งสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายจากยางหลายฟังก์ชั่น ผู้กำกับที่เกิดขึ้นจริงมีความอ่อนโยนเช่นเดียวกับการเรียกเป็นเรื่องง่ายที่จะเรียนรู้การออกแบบ แสดงความชัดเจนและฉลาดยัง ในเรื่องเกี่ยวกับระยะเวลาในข้อมูล การใช้พลังงานประเภทการขับขี่และยังทิ้งในถังเพื่อคำนวณระยะทางที่ยังคงออกไปวิ่ง นอกจากนี้ก็ถูกสร้างขึ้นด้วยความ / Pause และคิดว่าในความอุดมสมบูรณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่มีประโยชน์ ฉันเพิ่งมีสิ่งที่สำคัญไปพร้อมกับคุณเพื่อให้คุณสามารถเริ่มเครื่องยนต์โดยเฉพาะด้วยการเรียกร้องเพียงปุ่ม W รวมทั้งขึ้น - เปิดประตูล็อคเกินไป

ประสิทธิภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่ผลกำไรกับรถยนต์เราปี 2012
ความแข็งแรงลิตร single.eight หายใจเข้าและหายใจออก, 4 สูบ 16 วาล์วพร้อมกับอุปกรณ์ควบคุมที่สามารถปรับ D-CVVT และ VIS ให้ไฟฟ้า 150 ชั่วโมง p ที่หก 500 revoltions ต่อนาทีเช่นเดียวกับการบิดที่เกี่ยวข้องกับนาโนเมตร 178 กับ 4, เจ็ดร้อยรอบต่อนาทีส่งไปยังพวงมาลัยด้านหน้ากับเกียร์ 6 ก้าว-โปรแกรมร่วมกับฟังก์ชั่นกิจกรรมและเวที-Gate แล้วชะตากรรม Yontrakit สถานที่ใกล้เคียงกับผู้ให้กู้เวสต์ ใช้บุคลิกภาพซึ่งเป็นเรื่องยากเช่นเดียวกับความปลอดภัย ค้นพบเกี่ยวกับการยกเท้าขึ้นจริงจากระบบเบรกเหยียบของคุณรถจะไม่กระโดด Pro ๊โฆษณา DPR ๊เช่นเดียวกับมาตรฐานเอเซีย ข้อดีคือความปลอดภัยการจราจรพร้อมกับบ้าน แต่เมื่อฉันต้องการที่จะตอบสนองอย่างรวดเร็วต้องเพิ่มปอนด์สำหรับข้อสรุปฐานจากแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์เร่งประกาศข่าวกีฬาที่แนบมากับดิน ในเวลานี้มันจริงๆเป็นความคิดที่ถูกขุดขึ้นมาเพื่อพิจารณาผู้ที่ไม่สามารถมีการสูญเสียน้ำหนักที่เท่ากัน ถ้าคุณใช้มากของน้ำหนักไปที่รถสามารถคลิก ปิดเพื่อเขย่า จริงๆมันถูกนำมาใช้รอบ powerplant จนกระทั่งเปลืองที่ไม่จำเป็นต้อง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ขับขี่อยู่เสมอที่จะค่อยๆเพิ่มปอนด์สำหรับรถยนต์ใช้ฟุตขวา เกี่ยวกับกุญแจเค้นแก่เจ้าของรถยนต์ที่ดี และปลอดภัยมากขึ้น

ความรู้สัมผัสเต็มรูปแบบในส่วนตะวันตกของรถ
ความคงทนแข็งแรงของ Elantra จริงไม่ได้เป็นเพียงยานยนต์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง และการส่งเพียง แต่ยังมีน้ำหนักที่มีกลไกการเหยียบเบรกเท้าเพื่อกระชับขึ้นอย่างถูกต้อง กุญแจก๊าซที่แข็งขืน พอที่จะรู้สึกสนุก พลังงานที่ยอดเยี่ยมอำนาจช่วยพวงมาลัยกับมอเตอร์ขับเคลื่อนไฟฟ้าที่มีไขมันที่แตกต่างกัน สนองที่เกิดขึ้นจริงเช่นเดียวกับทางเข้าป๋อแม็คเฟอร์สัน แรงบิดและด้วยลำแสงด้านหลัง มีบรรยากาศที่วางไว้โดยกิจกรรมกีฬาหลัก การปนเปื้อนร่วมกันด้วยความนุ่มนวล แต่ด้วยการติดตั้งเจ็ด "ล้อโลหะรัดด้วยสายยาง, ลำดับ 215/forty-five R17 อาจทำให้ผู้บริโภคที่จะสามารถที่จะชอบ บริษัท หลักเรียบอาจหลง" ยาก "แต่ถ้าคนที่รักที่จะผลักดัน . รถยนต์อียูและที่ฉันยอมรับเป็นความจริงตามที่ได้รับเดียวกันแล้วเช่นเดียวกับการเลือกเช่นเดียวกับความยืดหยุ่นโดยรวมเกี่ยวกับการ Hyundai Elantra อาจจะต้องใช้ก้าวลดกำกับการจัดการกว่ารถญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะมีขนาดเล็ก. สูงสุดปอนด์พวงมาลัย แต่ความเร็วอาจจะเป็นมือที่ จำกัด เพียงพอเพื่อจริงๆรู้สึกมั่นใจ. เช่นเดียวกับวงผลิตสปายแวร์และแอดแวร์ใด ๆ . ต่ำและต่อไปที่จะรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บถนนภายในประเทศไทย

ฉันก็จะไม่ได้ผ่าน
โครงสร้างตัวโดยเฉพาะจากฮุนได Elantra ทั้งหมดอาจสร้างคุณคิดว่ามันเป็นไปได้ใด ๆ กีฬาสนุกซีดานกิจกรรมเพียง แต่ฉันไม่ได้เพลิดเพลินตั้งแต่เจอฮุนได Elantra ส่วนที่เหลือรวมกับการประกาศของสี Ecologically เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแสดงเมื่อตรวจสอบ แสดงแรงจูงใจในทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ฉันพยายามที่จะเดินทางไปกับความเร็ว 100 กม. / พวกเขาจะมีทั้งหมดขึ้น powerplant ประมาณ 2000 เพื่อ 2200 รอบต่อนาทีและปริมาณในการแสดงเมตรแสดงความเชื่อค่าเฉลี่ย เกี่ยวกับหลายลิตร-8-10/100 กิโลเมตรหรืออาจจะเกี่ยวกับการที่ 13-14 กิโลเมตร / d ที่ได้รับการยกย่องเป็นปริมาณที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามมันอาจจะผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าคุณให้ร่างกายของคุณพักผ่อนเพียงพอ อย่างไรก็ตามพันธมิตรของฉันและฉันตัวเลขที่ไม่ได้จริงๆเป็นที่น่าทึ่งโดยใช้ aa single.8 ลิตรเครื่องยนต์ harmonizes

สรุปที่น่าจดจำ
ขวาหลังจากเสร็จสิ้นการสอบของการผลักดัน ฉันจะไม่มีข้อสงสัยในขณะนี้ เป็นประสิทธิภาพของฮุนได Elantra จะดีกว่าคู่แข่งในพิกัดเดียวกัน ปัญหาคือ รูปภาพของฮุนไดที่ผู้บริโภคจำนวนมากยังขาดความมั่นใจในตนเอง ฝังหัวเช่นเดียวกับค่าวัย นี่คือตอนที่บ้านสำคัญ Huyndai ไทยควรเร่งสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ การสนับสนุนและการขายต่อไปนี้-
ส่วนหนึ่งของปัญหาก็คือวิธีการบัญชีเต็มรูปแบบกับรถยนต์ฮุนไดจะใกล้เคียงต่อค่าใช้จ่ายของคู่แข่ง อย่างไรก็ตามในการออกแบบไม่กี่จะมีราคาแพงเมื่อฉันขับรถ Elantra โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นฉลากบนส่งเสริมยังอาจจะอยู่ใกล้ถึง£เดียว 198,000 ทำให้มันเกิดขึ้น ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบที่น่าตื่นตาตื่นใจ ฉันต้องบอกว่าฉันรักการทำงานโดยเฉพาะกับ Elantra และยังเปรียบเทียบนี้คุ้มค่าเงินทุกครั้งหรือไม่ ... นี่คือสิ่งที่คุณต้องให้แน่ใจว่าจะยังคง

แต่สำหรับผมส่วนตัวผมพยายามที่จะเล่นให้ใกล้เคียงกับดัชนีราคาใน one.8-10 รถยนต์ actu ช้า รวมโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงของแบรนด์ ฉันจำนวนของผู้บริโภค การตัดสินใจของคุณในไม่ช้าหลังจากการผลักดันการทดสอบ

ราคา รถยนต์ Ela​​ntra ฮุนได
 Hyundai Elantra 1.8E MT     899,000
 Hyundai Elantra 1.8S AT     1,088,000
 Hyundai Elantra 1.8G AT     1,198,000

ข่าว รถ เป็นสิ่งสำคัญเพราะเหตุผลใดที่จะทำให้มันเกิดขึ้น

แบรนด์ปีใหม่มาถึงใกล้กับที่ ข่าว รถ anyplace นี้โดยเฉพาะ 30 วันฉันอาจเป็นเจ้าของมัน มีเทศกาลมากมายและยังสนุกอยู่เช่นคริสต์มาสโดยไม่คำนึงถึง "ประเพณีอเมริกัน" ที่ folks ชอบมันมากว่าวันนี้ประเทศไทย นอกจากนี้มันคือเรื่องจริงที่สนุกสนานเรื่อง "สารสนเทศและอวกาศ" ขวาปานกลางในช่วงครึ่งปีแรก 12, ฉันใช้จะเกี่ยวกับที่จะให้คุณชนิดของอ่อนโยน วันเป็นไปได้สัมผัส แนวโน้มสำหรับรถยนต์สมัยใหม่อาจจะเย็น "ถึง" มายด์เป็นจริงเพียงเกี่ยวกับทุกที่ที่จะได้รับการพูดคุยเกี่ยวกับ ฉันรู้เราตีว่ามันเป็นความอบอุ่นเพื่อให้ค่าใช้จ่ายในรถยนต์ของเรามีแนวโน้มที่จะตั้งขึ้นจากโรงงานของคุณ แต่โดยปกติราคาไม่แพงมาก ที่ผลิตในประเทศไทยอาจกลายเป็นอาจจะไม่ พบว่ามันยากที่จะอยู่ด้วยกัน เรื่องนี้เริ่มที่จะอินเทรนด์ที่จะมีประสบการณ์รถผมอยู่เสมอมาวันนี้เวลา Mild มันไม่ดี อุบัติเหตุ รถยนต์ และจำเป็นที่จะต้องช่วงชีวิตจากรถหรือบางทีอาจจะในประเทศไทย

ตระหนักถึงมันเป็นครั้งแรก
วันของคุณมายด์เรากำลังพูดถึง ได้รับการรู้จักกันเป็นอย่างเป็นทางการ "แสงวันเวลากำกับ" สามารถ LED ที่สว่างสูงกำกับไฟติดตั้งสามารถขยายลบ สิ่งที่รูปร่างหรือแม้กระทั่งรูปแบบ การติดตั้งของรถแพ่ง มันโคมไฟที่สวยงามในด้านหน้าของโรงงานผลิตใด ๆ ส่วนหนึ่งของเกรด พันธมิตรของฉันและฉันทำตามได้ด้วยตัวเอง ตราบใดที่มันต้องใช้เวลาที่จะระบายรถวัน Mild จะไม่อ่อน มันจะสว่างหากมอเตอร์ในขณะที่เราจะไม่เปิดแทบเว็บไซต์ใด ๆ ฉันถามที่ เหตุผลที่ว่าทำไมแก้แค้นเย็นกลางวันจำหน่าย Mild กับพวกเขาจากขึ้นดีไฟจะถือเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ มันจะมาจากต่างประเทศเช่นยุโรป, ญี่ปุ่น, หรือฤดูหนาว ยังมีอีกหลายที่เกี่ยวข้องกับหมอก สร้างการมองเห็นจะอ่อนแอ มีไฟที่จะสามารถให้รถยนต์ที่จะดูว่าเราอยู่ที่ไหน แม้ตลอดเวลาวันที่ พอลดอุบัติเหตุ

ยกตัวอย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกาของอเมริกาบริเวณอ่าวสามารถมหานครที่มีจำนวนมากของหมอก จะให้หน้าที่ตามกฎหมายที่จะเปิดไฟตลอดเวลาในขณะที่เดินทาง นอกจากนี้ยังมีที่ดีกับประเทศอื่น ๆ หลายแห่งทั่วโลกได้มีกฎระเบียบเกี่ยวกับความกังวลนี้ แสงวันประกอบด้วยการประดิษฐ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้อ่อนโยน โดยไม่ต้องเปิดไฟ อันเป็นผลมาจากไฟไหม้จะเป็น "จำนวนพลังงาน" หน้าที่ในมอเตอร์ จำเป็นที่จะต้องให้ทำงานหนักเพื่อ "กังหัน" ที่จะทำให้เกิดขึ้นจริงมาหลอดไฟเพียงเพราะพวกเขา "กินปริมาณน้อยกว่า" เพื่อให้โหลดบนเครื่องยนต์เครื่องที่เกี่ยวข้องกับภายใต้

วัน Mild จะถูกติดตั้งกับรถยนต์ราคาแพง ยานพาหนะบาง "Imports เกี่ยวกับรถยนต์ในต่างประเทศ" เพราะผมจำเป็นต้องส่งเสริมซัพพลายเออร์จำนวนมากที่อาจต้องมีการให้ อย่างไรก็ตามการผลิตตลอดจนการขายในบ้านเรา มิฉะนั้นค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปจะไม่ตั้งจริงๆขึ้น อันเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสาเหตุที่เรามี "ฉันต้องเข้าใจจะเป็น" นั่นคือเหตุผลแสงช่วงบ่ายได้รับการยกย่องว่าเป็นรถที่รู้จักกันดีในหมู่คน พร้อมกับความเชื่อที่ว่า "มันเป็นรถที่น่ากลัว, ดี" และดังนั้นฉันจะต้องซื้อจำนวนมากของมัน "ที่รู้จักกันดี" กับรถยนต์ว่ามัน

สิ่งที่ว่ามันคือความดีหรือไม่ดี?
เราจะหารือซึ่ง ถ้าคุณต้องการที่จะซื้อวัน Mild มาพูดว่า "เราจับเป็นการส่วนตัว" ผมอาจจะรู้จักกันในนามที่มีขนาดเล็ก "ผมไม่ได้มี" ถ้าคุณจะ "มุ่งเน้นไปที่ความสวยงาม" มันไม่เป็นปัญหาเพราะมันคือ "เหตุผลข้างต้น" ฉันจะถูกจับได้ แต่เมื่อฉันซื้อ ข่าว อุบัติเหตุ "จะต้อง" ไม่ได้เป็นเพียง น่ารัก เวลาวันนั้น Mild ตั้งที่โรงงาน ฉันต้องการที่จะค้นพบเวลาใช้วัน Mild เพราะมองจากความจริง หากคุณเชื่อว่าคุณอาจจะมีที่สวยงาม "เพียงไม่จำเป็นต้องใช้ภายในประเทศไทย" หนึ่งของอากาศร้อนมากที่สุดจะกลับ โอกาสที่จะได้สัมผัสกับความงามของน้ำแทบจะไม่ขึ้นอยู่ในชีวิต ไม่สามารถอย่างเต็มที่ได้รับประโยชน์จากเย็น Mild จะปลอดภัยหรือเป็นอย่างอื่นไม่ก็คิดว่า "ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจำเป็นต้อง" เพียงเพราะประเทศไทยสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องที่รู้จักของบ้าบิ่นเย็นเดินทางอ่อนโยนมันเป็นความช่วยเหลือ

วันเวลาผ่อนชำระอ่อนโยนและการจ้างงานอย่างถูกต้อง
เมื่อคุณจำเป็นต้องมี ฉันจำเป็นต้องซื้อเช่นกันตามที่กำหนดไว้ได้ แต่ไม่แน่ใจว่าวิธีที่จะทำให้พวกเขาที่จะใช้อย่างถูกต้อง เนื่องจากมีบุคคลจำนวนมากที่เดินไปถึง "จับ" เพราะมันจะสดใสเกินไป เข้าใจว่า มันมีไฟสว่างจริงๆกำกับเพราะปานกลางที่จะได้รับการรับรู้ราคาที่ไม่แพง อย่างไรก็ตามในเวลากลางคืน จริงๆแล้วมันมีความยุ่งยากและความรุนแรงยังมีรถยนต์กำลังจะมาถึง ยานพาหนะเป็นอุปกรณ์ที่มีเตาโรงงานใด ๆ ในวัน Mild ไฟจะหรี่ลง ที่จะตัดกลับรายชื่อผู้ติดต่อของคุณเองด้วยที่ในอาร์เรย์ทั่วไป นี้เป็นเพียงไม่ถือว่าเป็นที่เหมาะสม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่อยู่ภายใต้การพิจารณา ซื้อที่เป็นมิตร เหล่านี้จะสดใสอย่างต่อเนื่องประกายเรากระโดด เกรดบางพวกเขาไม่ได้จะจบลงที่บ้านเป็นเมื่อแสงสลัว มันชาวบ้านที่จอดรถและกดขี่ตอนนี้เรารู้ว่าบางคนออกวัน Illuminate คืนกับโดยไม่ได้ตั้งใจเริ่มต้นพร้อมกับ "แฉ" พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่าคุณกำลังทำร้ายถนนอื่น ๆ ได้ที่นี่ คนอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องทนแสบตาสำหรับปลายสูงของคุณเย็นเรื่อง "Oh ยุโรป" ทั้งนี้ก็ควรที่จะติดตั้ง "ปิด" คืนหยุดรับประทานอาหารกลางวันหรือ pip ว่าอ่อนโยนเป็นสีทึบจริง

ตั้งค่าสถานที่ตั้งคุณควรตระหนักว่ารถยนต์ที่ฉันต้องการที่จะเป็นเจ้าของรถเปิด บางส่วนของที่งดงาม มีมากทั้งออกไปตำแหน่งด้านขวาซึ่งโดยทั่วไปจะเป็น "เก็บกันชนหน้า" ที่อยู่ใต้สถานที่ที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปตาคันพร้อมกับกระตุ้นอื่น ๆ ที่แนบมากับที่ ที่เร็วที่สุด พื้นที่จัดเก็บสายเคเบิลที่เกี่ยวข้องกับระเบียบเรียบร้อย รุ่นรถอาจมีไม่กี่ที่มีคุณภาพ แสงอ่อนวันที่มีการสร้างขึ้นภายใน-แต่ฉันไม่ต้องการที่จะยุ่งเหยิง dangling ฉันคิดว่าฉันจะเลือกที่มีคุณภาพดีที่สุดด้านบนคุณควรเปลี่ยนหรือแม้แต่ออกไปในคืนที่เราทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเริ่มไฟ

แต่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้อภัย "เหนื่อย" ฉันมีเหตุผลหลายขั้นพื้นฐาน "ไร้สาระ" ถูกสุนัขเหนื่อยต่อกันชนประตูทางเข้า ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการดูดของฉัน เพียงแค่สิ่งที่ตะแกรง ร่วมกันสายยากทำให้ปรากฏเต็มตาไม่จำเป็นต้องมองไปที่บางส่วนของ "คนบ้าอ่อนโยน" เกี่ยวกับเรื่องนี้หลายของรถยนต์, ฉันขอโทษฉันเย็น Mild เขาอาจจะเป็น "ช่องเดียว" หลายคนเล่นสีเบิ้ล ดำเนินการ ฉันได้รับไม่เป็นวิสัยทัศน์ที่ดีมีความกระตือรือร้น นอกจากนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางคนมีส่วนร่วมในมันสุ่มรอบภูมิภาคลดลงที่ด้านหลังของชั้นแน่นอนจะกระจายสำหรับหลังคา อย่าหัวเราะ เรามักจะเยี่ยมชมการจัดเรียงนี้ ไม่ต้องกลัวของอ่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่เช็ดออก ฉันยังไม่ละทิ้งรถยนต์หรือรถบรรทุกของคุณในบ้านของคุณเองนี้ดูเหมือนว่าตกลงไปเอาล่ะเรามีอะไรที่จะอยู่กับ จริงๆมันเป็นเรื่องตลกที่จะเห็นว่ามันเลอะเทอะมากคันเช่นเดียวกับใบหน้า ฉันได้รับการบิตขนาดใหญ่ในประสบการณ์ของฉัน ไม่สามารถถูกตราหน้าว่า ข่าว รถ เป็นคนเห็นแก่ตัว

เปิดรับสมัครสาวมั่น วัยใส ชิงตำแหน่ง มิสมอเตอร์โชว์ 2013

ประเดิมกิจกรรมแรกของปีอย่างเป็นทางการด้วยการเปิดรับสมัครมิสมอเตอร์โชว์ 2013 หญิงสาวที่มีความโดดเด่น กล้าแสดงออก  มั่นใจ   มีปฏิภาณไหวพริบ  เฉลียวฉลาด  และเป็นคนรุ่นใหม่  เข้าร่วมการประกวดชิงตำแหน่ง เพื่อเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์การจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34” งานระดับชาติ ที่รู้จักกันทั่วโลก โดยจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2556 นี้  ณ ชาเลนเจอร์ฮอล อิมแพค เมืองทองธานี หลังจากห่างหายกันมา 1 ปีกับเวทีการประกวด “มิสมอเตอร์โชว์” ด้วยเหตุอุทกภัยน้ำท่วมจนบิ๊กบอส ค่ายกรังด์ปรีซ์ฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้งดการประกวดที่ต้องมีขึ้นในปี 2555 เพื่อเป็นการสนับสนุนให้น้องๆ มุ่งเน้นหนักกับการศึกษา หลังจากที่สูญเสียโอกาสไป จากเหตุน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา

สำหรับปี 2556 ที่จะถึงนี้ เวทีแห่งมิตรภาพ สื่อกลางแห่งการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ พร้อมโอกาสก้าวสู่วงการบันเทิง ในกิจกรรม  “มิสมอเตอร์โชว์ 2013”   เปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ – 2  กุมภาพันธ์  2556  เพียงแค่สาวใดมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.เพศหญิง   อายุระหว่าง  16-22 ปี
2.ส่วนสูง 165  ซม. ขึ้นไป
3.การศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าขึ้นไป
4.บุคลิกภาพดี กล้าแสดงออก

เตรียมเอกสารมาสมัครด่วน
1.รูปถ่ายเต็มตัวขนาด 6 x 4 นิ้ว 1  รูป
2.รูปถ่ายขนาดหน้าตรง 6 x 4 นิ้ว 1  รูป
3.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
4.สำเนาบัตรประจำตัวนักศึกษา
5.ค่าสมัคร 400  บาท

ด้านนายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และรองประธานจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์”  กล่าวว่า “งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ซึ่ง ถือเป็นงานมอเตอร์โชว์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียและยังได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติอีกด้วย ส่งเสริมชื่อเสียงและสร้างภาพลักษณ์อันดีของประเทศไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง   ส่วนการประกวดมิสมอเตอร์โชว์เองก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานที่สร้างสีสันได้อย่างมากควบคู่กับการจัดงาน   “มอเตอร์โชว์” มาเป็นระยะเวลาต่อเนื่องโดยปีนี้เป็นปีที่ 18 แล้ว ไม่นับรวมที่งดการประกวดจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา  สำหรับผู้ที่ได้รับตำแหน่ง มิสมอเตอร์โชว์ นั้นจะทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์พิเศษ ในการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร เกี่ยวกับงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์  2013”   และเวทีแห่งนี้เป็นเวทีที่เปิดกว้างทั่วประเทศ  เพื่อคัดสรร น้องๆมาดำรงตำแหน่งอันทรงเกีรยตินี้   ผมในฐานะรองประธานการจัดงานฯ จึงอยากขอเชิญน้องๆ มาสมัครร่วมประกวด มิสมอเตอร์โชว์ 2013  เพื่อจะได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่ของน้องๆอย่างมีคุณค่า  และยังได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์  อีกทั้งเป็นการสร้างชื่อเสียงมาสู่รั้วสถาบัน และครอบครัว ในระดับประเทศอีกด้วยครับ”

สำหรับสาวสวยที่สนใจสามารถสมัครด้วยตนเองได้ที่ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ (ประกวดมิสมอเตอร์โชว์ 2013)

รถยนต์ ใหม่ คู่ของประตูรถยนต์ต่างๆฉลอง Kia & มาสด้า 2

"ถ้าฝาแฝดที่ออกวางสมถะขัดแย้งที่เกิดขึ้นจริง รถยนต์ ใหม่. ครอบครองชนกับเรือรบฟอร์ด one.some เลี้ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เหลืออยู่และยังเปิดไปข้างหน้าด้วยเครื่องยนต์ actu 1.five กับเกมออนไลน์ขนาดใหญ่โดยการแรก ยานพาหนะท​​ี่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองอำนาจ "

รูปแบบที่แตกต่างกัน มูลนิธิที่เกี่ยวข้อง
มาสด้า 2

ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่มาสด้ารุ่นสองรุ่นห้าประตูด้านหน้าที่ทำให้ใหญ่ตอบสนองความ folks ครบกำหนดของฉันกับประเภทที่ทันสมัย​​ที่ทันสมัย รุ่นล่าสุดที่มีจำนวนมาก ข่าว รถยนต์ ล่าสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ให้บริการที่ทันสมัย​​มีให้เห็นบ่อยครั้งเพื่อให้สามารถเปิดใช้งานในตลาด อยู่บนพื้นฐานของ 5 ประตูรถยนต์ไอเปลี่ยนกลับเล็ก การออกแบบที่มีโครงร่างที่ดีที่กำหนดเช่นเดียวกับความไวมากจากการเคลื่อนไหวลดลงความคืบหน้ากับตำแหน่งของดวงอาทิตย์
เฟียสต้าฮอนด้า

Ford Fiesta เป็นเช่นเดียวกับเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นจริงการฆ่าจอห์นคลาร์กกับที่จะขายในภายหลัง กรอบและขนาดกับตัวถังมักจะไม่ต่างมาก เปิดตัวครั้งแรกพร้อมกันสองรุ่นที่มี single.half โหลลิตรเช่นเดียวกับรุ่น single.some ลิตรกับ single.6 ลิตรมีเปิดรับเพิ่มขึ้นจากการโฆษณาในขณะที่มันจะขึ้นอยู่กับวันที่สำหรับทันสมัย รูปแบบจะได้รับการปล่อยออกมาแนวโน้ม ฉลองฮอนด้ากำลังจะมาถึงติดตามกลยุทธ์มองที่ผสมคม และเพื่อแสดงให้ดีมีประสิทธิภาพอุตสาหกรรมเครื่องครัวฮาร์ด anodized ภาพยนตร์ภายในสไตล์ Eu

ในอารมณ์ต่างๆ เราได้รับการมุ่งมั่นที่อย่างเต็มที่
มาสด้าสอง

ภายในด้วยมาสด้าคู่ของอาจจะเค้าร่างด้วยการออกแบบที่โค้งมน ด้วยความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับการกีฬาสำหรับตำแหน่งเช่นในสถานที่ที่นั่งเบาะ Bucket บางส่วนควบคุมตำแหน่งเพื่อมีขนาดใหญ่ - ต่ำ, อัตโนมัติส่ง แผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับพาเนลรีบ หน่วยจะอยู่ในทำเลที่สะดวกครบครัน และอื่น ๆ ที่ไม่ยุ่งยากกับหลายดำเนินการควบคุม สำหรับการควบคุมเสียงเพลง ที่เหมาะสมวิทยุ / แผ่น / เพลงจริง iPhone / iPod และ iPod ผ่าน USB หรือ AUX เชื่อมต่อรอบ ๆ อีกครั้งกับสัมภาระภายในกว้างขวางควรจะมี ที่นั่งเพิ่ม 58:40 พับซึ่งสามารถปรับเพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้พื้นที่จัดเก็บมากขึ้น

Fete Kia

Kia Fiesta มาพร้อมกับ / รายชื่อของเขาของเธอในรูปสามเหลี่ยม และเซลล์รีบปลอดภัยสิ่งอำนวยความสะดวกประเภทชั้นนำ ความผิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งยางที่ไม่ได้ออกแบบให้เป็นวงกลมค่อนข้าง รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกออกแบบมาเพื่อจับภาพทีม และได้รับการขึ้น อย่างไรก็ตามถ้าในขณะที่คุณ ผมจะรู้สึกว่ามันเป็นอย่างดี Buckset เก้าอี้ที่เกิดขึ้นจริงในข้อตกลงการจัดตำแหน่งกึ่งเก้าอี้ในตำแหน่งที่ดี และสร้างขึ้นเพื่อให้พอดีกับร่างกายของคุณสะดวกสบายในการสวมใส่กีฬา นอกจากนี้ยังประกอบด้วยคุณสมบัติตำแหน่งของแนวทางการเปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติสูง - ต่ำ
สำหรับดำเนินการให้บริการมีการติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลหลายที่ติดตั้งอยู่ภายในระบบกลาง อยู่ที่นี่เป็นชนิดที่เกิดขึ้นจริงของการกำกับดูแลที่สามารถจะเป็นงานที่ง่ายต่อการใช้ ระบบความบันเทิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาพร้อมกับแผ่นดิสก์วิทยุ / กะทัดรัด / เพลง จะช่วยให้เรื่องรถบัสอนุกรมสากลและ AUX และการเชื่อมต่อไร้สายเช่นกัน แต่ปอตไลท์ของ Fiesta จะดีกว่าคู่แข่ง วิธีการจัดการเสียง Vioce คือการควบคุมติดแนบ powering ควบคุมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการที่เหลือ เดียวกันจะมาถึงจริงที่มันไม่ได้เป็นเพียงระบบแดชบอร์ดเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับหลังที่มันยังมาพร้อมกับห้องเก็บเพียงพอ กับทุกที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่มีทั้งที่นั่งในรถยกบี้จะ 60: สี่สิบ

ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพื้นฐานรถยนต์คันแรกมาก สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่ยืนอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งของคู่ของทารกแฝด
มาสด้า 2

มาสด้าคู่ของแล็ปท็อปในที่คุณสามารถทำได้อย่างง่ายดายโดยใช้การควบคุมระยะไกลแบบใช้มือถือมีความสำคัญ - ปิดประตูเปิด วงเงินปลายเป็นเพียงเพียงพอที่จะได้รับโดย เช่นเดียวกับมอเตอร์เริ่ม คุณทราบว่าชื่อเกมในตลาดของประเทศไทยมาสด้าสองมาพร้อมกับโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลมกลืนจากการออกแบบมอเตอร์จุรหัส MZR ลิตร single.five และยังสมาร์ทร่างกายที่แตกต่างกัน S-VT (Control อุปกรณ์วิธีการกำหนดเวลาต่อเนื่อง) เป็น รวมทั้ง TSCV (Drop อุปกรณ์จับวน) ในเรื่องเกี่ยวกับความทนทาน มุมมองตั้งแต่ (บิดเรียบ) ลดลงอย่างรวดเร็วตอบสนองพร้อมกับอำนาจ 103 ชั่วโมง p กับ 6,500 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุดที่เกี่ยวข้องกับร้อยสามสิบห้า Nanometre จากสี่, 500 ur / นาทีอัตโนมัติฉลาดสี่ก้าวจัดการ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยังเก็บฟังก์ชั่นที่ช่วยให้การดำเนินการเป็นแรงผลักดันในการควบคุมการปรับเปลี่ยนเกียร์เป็นของตัวเองที่จะทำและจ้องมองหลังจากกำลังของเครื่องยนต์เมื่อมีความจำเป็นในการสร้างเฉพาะมาสด้า 2 บันเทิงที่พวกเขากำลังขับรถคืบหน้าของอุตสาหกรรมลดลงภายในการโฆษณาที่จริงๆ คำอธิบายเพื่อความบันเทิงอยู่เสมอเทคโนโลยีน้ำหนักเบา (เทคโนโลยีแสง) ช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินที่ไม่จำเป็นให้มากที่สุดเท่า 100 กิโลกรัมพร้อมกับเครื่องยนต์ลิตร single.five ที่ความเป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นทันที ที่เกิดขึ้นจริง 6 เกียร์อัตโนมัติจะโอนเกี่ยวกับอำนาจที่ล้อหน้า กับการตัดสินใจของพวงมาลัยพาวเวอร์ทำงานรักษาอิเล็กทรอนิกส์ (EPAs) เพื่อให้ความเร็วที่ถูกต้องและยังมีความคล่องตัวด้วยรัศมีการเลี้ยวเป็นจริงบาง four.9 หลาซึ่งเป็นความบันเทิงที่พวกเขากำลังขับรถนี้เป็นจริงหลักจริงจาก มาสด้าสอง แต่อาจจะไม่สนุกกับมันอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเติมน้ำมัน การใช้พลังงานที่เกิดขึ้นจริงตลอดเศรษฐกิจคนต้องการที่จะยอมรับเรื่องนี้ อันเป็นผลมาจากเกียร์ล่าสุดเพื่อให้สามารถ 4.147 เพื่อให้เท้าของคุณมีตอบที่ดี มีทั้งหมดปกติเดินทางเครื่องยนต์ประจำที่พบในเกียร์สูงก็จะได้มากเท่าที่เกี่ยวกับ 3,500 รอบต่อนาทีและอุปกรณ์ความเร็วสูงที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป

ประสิทธิจากสารแขวนลอยด้านหน้าจะเป็นตัวเพียงพอแกว่งไปแกว่งมาแม็คเฟอร์สัน เช่นเดียวกับกึ่งเป็นกลาง ray หลังร่วมกับแรงบิด ลลิ่งและยัง Piste แขนส่วนบุคคลสำหรับต้นแบบ (นิ้วเท้า) จะคงที่และยังมุมจากยาง พร้อมกับสิบหกใน ล้อโลหะและยางรถยนต์ยังคอล 195/45 R16 ที่จะเป็นเจ้าของจริงๆรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับการขับรถ อุบัติเหตุ รถยนต์ และยังมีความเข้าใจที่ดีกับมันผมชอบ ยานพาหนะกีฬา แต่เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บอบบาง ฉันมีความรู้สึกใด ๆ aa ของ "รู้" โค้งเล็กน้อยหรือบางทีอาจจะเป็นคอนแทคเลนส์แก้ไขอย่างฉับพลัน ในเวลาเดียวกันเมื่อใช้งานที่มีความเร็วสูงจะได้รับการตั้งข้อสังเกตว่าไขมันจากล้อเป็นบิตน้ำหนักเบา แต่มันจะไม่ลดมากความแน่นอนในตนเอง

Fete Kia

ทันทีของการตลาดมอเตอร์ Fiesta ของ 1.four ลิตรและ single.6 ลิตรมีมุมมองกับมัน เมื่อต้นกำเนิดสำหรับยานพาหนะแรกที่และยังอนุรักษ์เพื่อ 100,500 เป็นที่คาดว่านี้สามารถทำให้การเป็นยอดโกยงานที่ยอดเยี่ยมจะต้านไม่จะดีในการผลิตเพื่อให้ Kia ที่จะกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในความขัดแย้ง นี้ใช้พื้นฐานเดียวกัน powerplant มันอาจจะลดอุบัติเหตุ cerebrovascular หลอดเพื่อลดความสามารถในการที่ one.5 ลิตรและอุปกรณ์ที่มีตัวแปรคู่แบบพอเพียงเพลาลูกเบี้ยว (Dual เป็นกลาง - เวลาเพลาลูกเบี้ยวปรับหรือบางทีอาจจะ Si-VCT) ในการจัดการเวลาจริงจากวาล์ว เปิด - ปิดการบริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่งและยางออกเส้นน้ำ สำหรับเวลาที่ดีที่สุดและถูกต้องที่ยัง รถยนต์ ใหม่ ตามกับคำตอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทุกระดับของความเร็ววิธี แรงม้าสูงสุด 109 อำนาจจาก 6300 รอบต่อนาทีและบิด 140 nm ที่เกี่ยวข้องกับที่ 4300 รอบต่อนาทีไดรฟ์โดยอัตโนมัติด้วยพลังงานเปลี่ยนครึ่งโหลก้าวคลัตช์คู่กับล้อหน้า

ถ้าคุณใช้เทคโนโลยีที่มีคลัทช์หกความเร็วเกียร์อัตโนมัติคือเหตุผลที่เวทีดี สิ่งไม่แน่นอนเมื่อเทียบกับโดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่ที่มีอายุมากกว่า เริ่มต้นความรู้สึกของเรื่องเดินทางความเร็วต่ำหรือแม้แต่ทำงานอยู่รอบประตูรถในคู่ระบบคลัทช์สามารถ "อุปสรรค" เล็กน้อยเกี่ยวกับการสร้างผลิตภัณฑ์และปล่อยคลัทช์ระบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุ cerebrovascular ที่เปรียบ เพื่อให้สามารถดึงออก นี้จริงๆเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างใด ความเร็วในด้านล่างมีคลิปวิดีโอที่อาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับคู่ผู้ใหญ่มากขึ้น อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีที่จะกลายเป็นที่ไม่พึงประสงค์ยัง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้รายการโดยเฉพาะบางปกติเดินทาง ส่งต่อเรื่องของเหลว tranny ไปอย่างเห็นได้ชัด อัตราที่เป็นจริงอย่างต่อเนื่อง เงื่อนไขสองคลัทช์สีดำ i465 พร้อมกับการสูญเสียในเกือบไม่มีอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง powerplant มีเกียร์ต่ำขณะที่การเดินป่าภายในสุดท้าย ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมาก

ยืนพวงมาลัย & เที่ยวบินขน H2O และยังพลังงานไฟฟ้าหนักหน่วงจากจังหวะที่เหมาะสมในการลดความเร็วเบา ๆ และยัง viscousness จะแตกต่างกันกับการไปถึงความเร็ว (อย่างไรก็ตามในกรณี viscousness เป็นที่นิยมชนิดนี้) ร่วมกับล้อหน้าแบบพอเพียงแกว่งไปแกว่งมาม้วนสูงสุดเฟอร์สันมาและการสนับสนุน กับคอลัมน์เพิ่มบางส่วนที่เป็นอิสระพร้อมกับการติดตั้งทอร์โลหะขนาด 16 นิ้วล้อมีความยืดหยุ่น, ซีรี่ย์ 195/50 เพิ่มที่เราเห็นฉันจะติดต่อจริง Fiesta ตั้งเฟิร์มแวที่ต่ำกว่าเปรียบเทียบ พันธมิตรของฉันและฉันได้ตลอดเวลาที่จำเป็นในการ Drive-Thru ถนนจริง หรือพื้นที่เป็นหลุมเป็นบ่ออาจมีความแน่น อย่างไรก็ตามโดยรวมก็อ่อนโยนขับเหงื่อและแขวนชุดสูทที่ดีในเป็ดพันธุ์ไข่ออกแบบมาเพื่อใช้ความเร็วสูงหรือแม้กระทั่งการปรับเปลี่ยนอย่างฉับพลันคอนแทคเลนส์ รถยนต์ ใหม่ จะทำอย่างมั่นใจ

มิตซูบิชิ คาดปีนี้ ตลาดรถยนต์ ภาคอีสานโตกว่า 75%

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เผย ตลาดรถยนต์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือปีนี้พุ่งกระฉูดกว่าเท่าตัว กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยบวกของพืชผลการเกษตรที่ดี และการขยายตัวของเมืองรองรับเส้นทางถนนแนวเขตระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เล็งขยายจำนวนโชว์รูมรองรับตลาดโตแบบก้าวกระโดด

มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงการวิเคราะห์ตลาด เพื่อวางแผนการพัฒนาธุรกิจ และเป้าหมายรายภูมิภาค พบว่า “เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ 19 จังหวัด มีการขยายตัวของตลาดรถยนต์ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2555 ตลาดในภาคอีสานน่าจะมีขนาดประมาณ 190,000 คัน หรือโตขึ้นไม่น้อยกว่า 75 % ขณะที่บริษัทฯ คาดหวังส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 13% หรือประมาณ 24,000 คัน โดยประเภทรถยนต์ที่คนภาคอีสานสนใจซื้อหา จะเป็นรถกระบะมากกว่ารถยนต์นั่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้งานด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ลูกค้าจะตัดสินใจเลือกรถกระบะที่มีความทนทานในการบรรทุก รองรับงานหนักได้ดี และประหยัดพลังงาน ซึ่งรถกระบะไทรทัน สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ทั้งหมด และเมื่อเราได้เปิดตัวรถอีโค คาร์ มิราจ ความยอมรับในด้านความทนทานของมิตซูบิชิ ทำให้ลูกค้ายอมรับและตัดสินใจซื้อมิราจได้อย่างไม่ยาก ในปีนี้จำนวนรถยนต์นั่งของมิตซูบิชิจึงมีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดจำหน่ายรถกระบะไทรทันก็ยังสูงอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยปัจจุบัน ผู้จำหน่ายในภาคอีสานสามารถทำยอดจำหน่ายสะสม (มกราคม-พฤศจิกายน 2555) ได้มากกว่า 20,600 คันแล้ว แบ่งเป็นรถยนต์นั่งประมาณ 32% หรือ 6,600 คัน และรถกระบะรวมพีพีวี 68% หรือ 14,000 คัน จังหวัดที่มีศักยภาพในการขยายตัวของตลาดรถยนต์โดดเด่น ได้แก่ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี และกาฬสินธุ์”

เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือนับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและความต้องการรถยนต์สูง ซึ่งปัจจัยสำคัญในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ ในระดับประเทศคือการวาง “เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก” (East-West Economic Corridor : EWEC) หรือเส้นทางอาร์เก้า (R9) ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างเวียดนาม ลาว ไทย และพม่า บนเส้นทาง 1,450 กิโลเมตร โดยเส้นทางนี้ตัดผ่านประเทศไทยเป็นระยะทาง 950 กิโลเมตรซึ่งนับว่ายาวที่สุด และพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ได้รับอานิสงค์หลายประการ เช่น การปรับปรุงถนนให้เป็น 4 เลน ปรับปรุงระบบโลจิสติก การท่องเที่ยว สนับสนุนการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เป็นต้น ส่วนในระดับท้องถิ่น ประชากรของภาคอีสานมีการพัฒนาพืชผลการเกษตรให้หลากหลาย เช่น มีการนำผลไม้ของภาคอื่น มาปลูกในภาคอีสานและได้ผลผลิตที่ดี ทำให้เกิดรายได้จากภาคเกษตรกรรม นอกจากนี้ยังมีการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การโรงแรม และห้างสรรพสินค้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ความต้องการซื้อรถในตลาดรถยนต์เพิ่มขึ้น

เชฟโรเลต แคปติวา คว้ารางวัล รถดีเซล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

รถดีเซล 2.0 ลิตร เชฟโรเลต แคปติวา AWD FL ซึ่งเป็นหนึ่งในรถที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเจนเนอรัล มอเตอร์ส อินโดนีเซีย พีที ได้รับรางวัลยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยมจากการปล่อยแก๊สมลพิษต่ำที่สุดโดยกระทรวงสิ่งแวดล้อมของสาธารณรัฐอินโดนีเซียภายใต้โครงการ Blue Sky Expose Program 2012

รางวัลอันทรงเกียรติที่เชฟโรเลต แคปติวา ดีเซล 2.0 ลิตร AWD FL ได้รับนั้นอยู่ภายใต้การประเมินมาตรฐานคุณภาพแก๊สมลพิษของรถยนต์รุ่นใหม่ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์พัฒนายานยนต์ที่ปล่อยแก๊สมลพิษต่ำด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

สำหรับการประเมินการปล่อยแก๊สมลพิษนั้น ครอบคลุมถึงแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน ฝุ่นละอองและไนโตรเจนออกไซด์ รวมถึงอัตราบริโภคน้ำมัน ผลการประเมินที่ได้จะนำมาวัดผลคะแนนเทียบกับพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อมที่ 252 ประจำปี 2004 ว่าด้วยการประเมินแก๊สมลพิษของยานยนต์รุ่นใหม่ในอินโดนีเซีย

คุณมาเรีย ซีดาบูตาร์ ผู้อำนวยฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ จีเอ็ม อินโดนีเซีย พีที เป็นตัวแทนรับมอบรางวัลนี้จากศจ.ดร.บัลธาซาร์ คัมบัวยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของอินโดนีเซียในกรุงจาการ์ตา

“รางวัลที่เราได้รับนั้นพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเชฟโรเลต ในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่จะลดแก๊สมลพิษในอากาศและสร้างสรรค์ท้องฟ้าอันสดใส รัฐบาลมองเห็นถึงความพยายามของเราผ่านทางยานยนต์ที่เราจัดจำหน่ายในอินโดนีเซียอย่างรถดีเซลเชฟโรเลต แคปติวา 2.0 ลิตร AWD FL” คุณมาเรีย ซีดาบูตาร์ ผู้อำนวยฝ่ายประชาสัมพันธ์ของพีที จีเอ็ม อินโดนีเซีย กล่าว “เราหวังว่าลูกค้าชาวอินโดนีเซียจะมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้นในกระบวนการรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดมลพิษในอากาศ เพียงแค่การใช้รถที่มีคุณภาพดีเยี่ยมซึ่งผ่านการทดสอบอย่างหนักเพื่อความประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสูงสุดเหมือนกับเชฟโรเลต แคปติวาที่ได้รับรางวัลนี้” มาเรีย กล่าวเพิ่มเติม

เชฟโรเลต แคปติวาเริ่มทำตลาดในอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมและต่อเนื่องจากลูกค้าชาวอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ในตลาดประเทศไทยและอินโดนีเซีย แคปติวายังมาพร้อมเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เฟล็กซ์ฟิวรองรับเชื้อเพลิง E85 โดยในปี 2555 (ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน) แคปติวามียอดขายในประทศไทยอยู่ที่ 10,296 คัน แคปติวาถือเป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกในตลาดเมืองไทยที่มาพร้อมเครื่องยนต์เฟล็กซ์ฟิวและระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้รถดีเซล

กู๊ดเยียร์ ผู้นำด้านนวัตกรรม ยางรถยนต์ ร่วมรณรงค์ “ถนนปลอดภัย”

กู๊ดเยียร์ผู้นำด้านนวัตกรรมยางรถยนต์ ตอกย้ำเจตนารมณ์มุ่งเน้นความปลอดภัย จับมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สวพ.91 เปิดโครงการ “ถนนปลอดภัย” ดูแลคุณทุกการเดินทางโดย กู๊ดเยียร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สวพ.91 ณ ด่านดาวคะนอง พร้อมดาราสาว “แพนเค้ก” เขมนิจ จามิกรณ์ ร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุจราจรช่วงปีใหม่ 7 วันอันตราย ส่งเสริมวินัยจราจรและการใส่ใจดูแลรถและยางรถยนต์ให้พร้อมสำหรับการขับขี่ที่ปลอดภัย ฝากถึงพี่น้องคนไทยให้เตรียม “กาย ใจ และรถ” ให้พร้อมก่อนออกเดินทาง เพื่อการเดินทางที่สบายใจ ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ

พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า “ช่วงเทศกาลปีใหม่ นับเป็นช่วงวันหยุดยาวที่มีการเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนากันอย่างคึกคักเป็นพิเศษ โอกาสเกิดอุบัติภัยบนท้องถนนจึงมีมากกว่าช่วงปกติ เรียกว่าเป็น 7 วันอันตราย เราจึงต้องรณรงค์เรื่องการใช้รถใช้ถนนและวินัยจราจร รวมถึงการขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม และไม่ประมาท ควบคู่ไปกับการตรวจเช็ครถและยางรถยนต์ว่าอยู่ในสภาพที่ดี พร้อมสำหรับการเดินทางที่ปลอดภัยไร้กังวล”

จากสถิติ คดีอุบัติเหตุจราจรทางบกและมูลค่าความเสียหายทั่วประเทศในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากกว่า 6,400 คน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินเสียหายมากกว่า 400 ล้านบาท กิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อรณรงค์การขับขี่ด้วย   ความระมัดระวัง และส่งเสริมการเดินทางที่ปลอดภัย อาทิ โครงการ “ถนนปลอดภัย” โดยกู๊ดเยียร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสวพ.91 จึงมีส่วนช่วยลดการเกิดอุบัติภัยบนท้องถนนทั่วไทย

ด้านนายสุทธิพงษ์ วรรณวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การริเริ่มโครงการ “ถนนปลอดภัย” ดูแลคุณทุกการเดินทาง โดย กู๊ดเยียร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สวพ.91 สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกู๊ดเยียร์ ในฐานะบริษัทผู้นำนวัตกรรมยางรถยนต์ของโลก ที่ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยในการเดินทางของผู้ขับขี่รถยนต์ “สำหรับปี 2556 กู๊ดเยียร์ วางแผนเดินหน้าอย่างเต็มที่ด้วยแคมเปญ ‘Happy Goodyear 2013 กู๊ดเยียร์ ดูแลคุณทุกการเดินทาง’ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่ปลอดภัยและอุ่นใจมากกว่าที่เคย เพราะเราเชื่อมั่นว่าประสบการณ์การเดินทางที่ดีเหล่านี้ จะนำไปสู่ความประทับใจในยางกู๊ดเยียร์ที่พร้อมด้วยสมรรถนะและนวัตกรรมด้านความปลอดภัย ตลอดจนบริการหลังการขายที่เหนือกว่า” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

แคมเปญ “Happy Goodyear 2013 กู๊ดเยียร์ ดูแลคุณทุกการเดินทาง” เริ่มต้นด้วย 3 องค์ประกอบด้วยกัน คือ บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับคุณผู้หญิงที่ขับรถ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ นาน 3 เดือน  และต่อยอดด้วยการผสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สวพ.91 ในโครงการ “ถนนปลอดภัย” เพื่อรณรงค์การขับขี่อย่างปลอดภัยและลดอุบัติเหตุจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมมอบซีดีเพลงชุดพิเศษ และคู่มือขับประหยัดปลอดภัย รวมจำนวนทั้งสิ้น 3,000 ชุด  เสริมด้วยแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน คู่ใจนักเดินทาง Goodyear Mobile App ที่มีฟังก์ชั่น “ผู้ช่วยอัจฉริยะ” ช่วยให้การขับขี่รถยนต์เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยแจ้งเตือนดูแลรักษารถยนต์และยางรถยนต์ให้พร้อมสำหรับการขับขี่ที่ประหยัดปลอดภัยในทุกการเดินทาง

เพื่อมอบการเดินทางที่ปลอดภัยเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคุณผู้หญิงที่ขับรถ กู๊ดเยียร์จึงส่งความสุขรับปีใหม่กับแคมเปญ “Happy Goodyear 2013 กู๊ดเยียร์ ดูแลคุณทุกการเดินทาง” มอบบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับคุณผู้หญิงจำนวน 2,013 ท่าน ทั่วประเทศ นาน 3 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และไม่จำกัดว่าใช้ยางรถยนต์ยี่ห้อใด เพื่อให้ได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นใจ และนวัตกรรมด้านความปลอดภัย ตลอดจนบริการหลังการขายที่เหนือกว่าจากกู๊ดเยียร์ในทุกการเดินทาง ตั้งแต่ช่วงหยุดยาวปีใหม่ไปจนถึงสงกรานต์ 2556 เพียงลงทะเบียนที่เว็บไซต์ goodyear.co.th ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 15 มกราคม 2556

สำหรับ Goodyear Mobile App เป็นแอพพลิเคชั่นที่พร้อมให้บริการในระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนชั้นนำทั้งไอโฟนและแอนดรอยด์ เหนือกว่าด้วยฟังก์ชั่น “ผู้ช่วยอัจฉริยะ Assist ME” ช่วยแจ้งเตือนการเช็คสภาพรถและยางรถยนต์ให้พร้อมสำหรับทุกการเดินทาง อาทิ การตรวจเช็คลมยาง แบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง พร้อมฟีเจอร์ Hotline เพื่อขอความช่วยเหลือยามฉุกเฉิน ที่รวบรวมเบอร์โทรศัพท์สายด่วน พร้อมระบบโทรออกได้ทันที ให้คุณอุ่นใจในยามคับขัน รวมถึงฟังก์ชั่น Find Dealer ที่ช่วยค้นหาศูนย์บริการยางกู๊ดเยียร์ที่ใกล้ที่สุดได้อย่างแม่นยำ และฟังก์ชั่นคำแนะนำเพื่อการขับขี่อย่างประหยัดปลอดภัย การเลือกใช้ยางรถยนต์ให้เหมาะกับความต้องการ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด Goodyear Mobile App โดยพิมพ์คำว่า “Goodyear” ได้ที่ AppStore (iOS) และ Google Play (Andriod) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

“กู๊ดเยียร์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแคมเปญ ‘Happy Goodyear 2013 กู๊ดเยียร์ ดูแลคุณทุกการเดินทาง’ จะช่วยให้ผู้ขับขี่มีความพร้อมสำหรับการเดินทางอย่างอุ่นใจและปลอดภัยมากขึ้น พร้อมร่วมกันสร้าง “ถนนปลอดภัย” ลดอุบัติเหตุ เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับเพื่อนพี่น้องไทยด้วยกัน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นางสาวไจตนย์ ศรีวังพล ผู้อำนวยการ รายการข่าวจราจร สถานีวิทยุ สวพ.91 เสนอแนะว่า “ผู้ขับขี่ควรแวะพักเพื่อเติมความสดชื่นทุกๆ 2-3 ชั่วโมงของการขับรถ เพราะความเหนื่อยล้าง่วงเหงาหาวนอน รวมถึงการขับรถขณะมึนเมา ย่อมส่งผลต่อความสามารถในการตอบสนองและการตัดสินใจ คณะทำงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งความห่วงใยที่มอบให้ผู้ใช้ทางได้เดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่กันอย่างปลอดภัย”

ด้านดาราสาว “แพนเค้ก” เขมนิจ จามิกรณ์ ฝากถึงพี่น้องคนไทยที่เดินทางช่วงปีใหม่ว่า “แพนอยากให้พี่น้องทุกคนเช็คความพร้อม 3 ประการ เพื่อการเดินทางอย่างปลอดภัยในช่วงปีใหม่ ได้แก่ “กายพร้อม” พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มของมึนเมาเมื่อต้องขับรถ “ใจพร้อม” มีสติ มีน้ำใจ ขับรถอย่างไม่ประมาท และ “รถพร้อม” ใส่ใจตรวจเช็คสภาพรถและยางรถยนต์ว่าอยู่ในสภาพดีพร้อมสำหรับการขับขี่”