วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

รถ รุ่น ใหม่ Skoda Octavia

รถ รุ่น ใหม่ของ Skoda Octavia เจนเนอเรชั่นที่ 3 นี้มากับการยกระดับมาตรฐานของรถ Compact Segment เต็มคราบ รูปลักษณ์ออกแบบใหม่ให้ทันสมัยขึ้น และใหญ่ขึ้นเปรียบเทียบกับรุ่นเก่าจะเห็นว่ารุ่นใหม่จะมีขนาดมิติตัวถังยาวกว่า 90 มม. กว้างขึ้น 45 มม. และมีระยะฐานล้อยาวขึ้นอีก 108 มม. เพื่อให้ห้องโดยสารภายในกว้างขวางขึ้นโดยเฉพาะในตำแหน่งด้านหลัง

และผลจากการมีมิติตัวถังที่กว้างขึ้นนั้นทำให้ Octavia กลายเป็นรถที่มีห้องโดยสารกว้างขวางด้วยตัวเลขความยาวห้องโดยสาร 1,782 มม. ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน Octavia จะมีพื้นที่ช่วงเข่าอีก 73 มม. Headroom ด้านหลัง 980 มม. กับห้องเก็บสัมภาระด้านหลังที่จุได้มากถึง 590 ลิตร และถ้าหากเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเจน 2 พื้นที่ Headroom ด้านหลังจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 8 มม. ช่วงศอกด้านหน้ากว้างขึ้นกว่า 39 มม. ด้านหลังกว่า 26 มม.

รถใหม่2013


ส่วนความสำเร็จในการพัฒนา Octavia ใหม่นั้นเห็นผลจากการลดน้ำหนักลงได้ถึง 102 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นเจน 2 ด้วยการจากการออกแบบโครงสร้างตัวถังใหม่ เปลี่ยนไปใช้วัสดุเหล็กที่แข็งแกร่ง แต่มีน้ำหนักเบาอย่าง High- And Ultra-Tensile Steel มาเป็นองค์ประกอบหลัก ในขณะเดียวกันเครื่องยนต์ใหม่ของ Octavia เจนเนอเรชั่นที่ 3 นั้นได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งสามารถลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และมลพิษได้ถึง 23% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

โดยต้นสังกัดได้ปล่อยของรุ่นเบนซินออกมาถึง 4 รุ่น เริ่มต้นกับเทคโนโลยี TSI แบบ 4 สูบ 4 วาล์ว พร้อมเทอร์โบชาร์จ Direct-Injection ความจุ 1.2 ลิตร 86 แรงม้า และแรงบิด 160 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียยร์ธรรมดา 5 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 5.2 ลิตร/100 กม. ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ราว 119 กรัม/กม

ต่อมาเป็นพิกัด 1.2 ลิตร TSI Green Tec มาพร้อมระบบ Start/Stop และระบบ Brake Energy Recuperation ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า พร้อมแรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 1,400-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แต่สามารถสั่งเปลี่ยนเป็นเกียร์อัตโนมัติ DSG 7 สปีดได้ มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยน 4.9 ลิตร/100 กม. และปล่อยไอเสียที่ 114 กรัม/กม.

รุ่นต่อมาเป็นพิกัด 1.4 ลิตร TSI ให้กำลังได้ 140 แรงม้า กับแรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500-3,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DSG ซึ่งมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 5.3 ลิตร/100 กม. และค่า CO2 เพียง 121 กรัม/กม.

ส่วนรถ รุ่น ใหม่เวอร์ชั่นท็อปสุดจะมากับเครื่องยนต์พิกัด 1.8 ลิตร TSI Green tec ที่พกพาเรี่ยวแรงมาให้ถึง 180 แรงม้า กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,250-5,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DSG และมีอัตราสิ้นเปลือง 5.7 ลิตร/100 กม. กับค่าไอเสียเฉลี่ย 131 กรัม/กม.
สำหรับสาวกเครื่องยนต์ดีเซล TDI Turbocharged Direct Injection 4 สูบ 4 วาล์ว นั้มมีให้เลือกเร้าใจได้ถึง 4 รุ่น เริ่มต้นด้วยพิกัด 1.6 ลิตร 90 แรงม้า ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ 4.1 ลิตร/100 กม. และค่า CO2 ต่ำเพียง 109 กรัม/กม.

เครื่องยนต์ รถใหม่ป้ายแดง


ขยับขึ้นมาจะเป็นพิกัด 1.6 ลิตร TDI Green tec ซึ่งมากับระบบ Start/Stop สำหรับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และแรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,750 รอบต่อนาที โดยมีออพั่นเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DSG ให้เลือก ส่วนอัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ 3.8 ลิตร/100 กม. กับค่า CO2 99 กรัม/กม.สำหรับรุ่นไฮไลต์จะเป็น GreenLine Version พิกัด 1.6 ลิตร TDI ที่มีพละกำลังให้ใช้ 110 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลือง 3.4 ลิตร/100 กม. และค่า CO2 ต่ำราว 89 กรัม/กม.

ปิดท้ายด้วยรุ่น Top ที่ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร TDI Green tec 150 แรงม้า พร้อมแรงบิด 320 นิวตันเมตรที่ 1,750-3,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด DSG หรือเกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ DSG โดยจะมีอัตราสิ้นเปลืองเพียง 4.5 ลิตร/100 กม. และค่า CO2 เพียง 119 กรัม/กม. ถือว่าใหม่สุดในรถ รุ่น ใหม่