วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ตามมาติดๆกับ A-class ตัวล่าสุด Mercedes A45 AMG


Mercedes A45 AMG


หลังจากปล่อย A-Class เวอร์ชั่นล่าสุดออกสู่ตลาดไปไม่นาน ทางสำนัก AMG ก็จัดของแรงออกมาให้ลูกค้ากระเป๋าหนักเตรียมเป็นเจ้าของทันทีกับ Mercedes A45 AMG ที่เล่นแรงด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 360 แรงม้า พร้อมแรงบิด 450 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยระบบ AMG 4MATIC All Wheel Drive ปั่นอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.6 วินาที ทะลุไปสู่ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ล็อคเอาไว้ นอกจากพละกำลังอันทรงอานุภาพแล้ว A45 AMG ยังมีอัตราสิ้นเปลืองที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย โดยตัวเลขที่ต้นสังกัดเคลมไว้อยู่ที่ 6.9 ลิตร/100 กม. ทั้งยังมีความสะอาดตามมาตรฐานไอเสีย EU6 อีกด้วย เคล็ดลับความเร้าใจนั้นมาจากการถ่ายทอดเทคโนโลยี BuleDIRECT ลงมาใน A45 AMG เช่น ระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Spray-Guided ด้วยหัวฉีด Piezo Injectors รวมถึงการปรับปรุงระบบจุดระเบิดใหม่ เพื่อให้เกิดการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งยังรวมไปถึงการปล่อยค่ามลพิษที่ต่ำอีกด้วย

Mercedes A45 AMG


ไฮไลต์อื่นๆ ของเทคโนโลยีนี้ก็คือ การใช้อ่างน้ำมันที่ทำจากอลูมิเนียมผสม ส่วนข้อเหวี่ยงนั้นทำขึ้นจากเหล็กหล่อ เช่นเดียวกับลูกสูบที่ลดการเสียดสี และการสึกหรอ โดยการเคลือบสาร NANOSLIDE ไว้ที่ผนังห้องเผาไหม้ ติดตั้งระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ และติดตั้งระบบ ECO Start/Stop มาให้เป็นมาตรฐาน ระบบอัดอากาศเป็นแบบ Twin-Scroll ตั้งกำลังอัดการบูสต์เอาไว้ที่ 1.8 บาร์ มาพร้อมกับชุดทางเดินไอเสียจาก AMG และมีการปรับจังหวะการเปิด-ปิดวาล์วไอเสียใหม่ โดยชุดระบบไอเสียนี้หยิบยืมมาจาก SLK 55 AMG ส่วนระบบระบายความร้อนที่กล่าวถึงไปนั้นใช้เทคโนโลยีเดียวกับ SLS AMG โดยติดตั้ง Inter cooler ขนาดใหญ่ไว้ด้านหน้า เสริมด้วย Cooler ตัวเล็กไว้ในซุ้มล้อ ติดตั้งปั๊มไฟฟ้าไว้ด้านหลังพอร์ตไอดี เพื่อให้สามารถดึงเอาน้ำไประบายความร้อนได้อย่างรวดเร็วขึ้น ส่วนระบบหล่อเย็นชุดเกียร์นั้นก็จะมีปั๊มอีกหนึ่งตัวแยกต่างหาก สำหรับการดึงน้ำมาระบายความร้อยนให้กับชุดเกียร์ AMG Speedshift DCT 7 สปีด คลัทช์คู่ ที่ส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 แบบ All Wheel Drive และมีฟังค์ชั่น Race Start ติดตั้งมาให้เพื่อเพิ่มความเร้าใจขณะออกตัว มีโหมดการขับขี่ C – Controlled Efficiency และ S – Sport ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน และเพิ่มโหมด M (Manual ) ที่ต้นสังกัดเรียกมันว่า Momentary มาให้สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการ Shift Up-Down เกียร์ด้วยตัวเอง โดยทั้งโหมด S และ M นี้ได้ถูกปรับแต่งให้บุคคลิก และอารมณ์แบบเดียวกับ SLS AMG GT ทั้งสมรรถนะการขับขี่ การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็ว หรือแม้กระทั่งลุ้มเสียงสุดเร้าใจ ในขณะที่โหมด C – Controlled Efficiency จะเป็นอารมณ์ของการเปลีย่นเกียร์ที่นุ่มนวล ขับขี่สบาย และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำ จากการทำงานของระบบ ECO Start/Stop

Mercedes A45 AMG

ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 4MATIC all-wheel drive เซ็ทอัพโดยเน้นสมรรถนะการขับขี่ ซึ่งระบบขับเคลื่อนชุดนี้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่พัฒนาขึ้น ซึ่งลดน้ำหนักลงได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่น โดยมีอัตราการกระจายแรงขับเคลื่อนอยู่ที่ 50:50 เสริมเสถียรภาพการขับขี่ด้วยระบบ Three-stage ESP® ที่สามารถเลือกจัดหนักด้วยการปิด ESP Off-On หรือ Sport Handling ได้ ทั้งยังมีระบบ ESP® Curve Dynamic มาช่วยเพิ่มความมั่นใจในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงยกระดับความปลอดภัยขึ้นไปอีกหนึ่งสเตป

Mercedes A45 AMG


ชุดช่วงล่าง AMG Sport ใช้พื้นฐานระบบอิสระ 3-ลิงค์ด้านหน้า และ 4-ลิงค์ในด้านหลัง พร้อมการปรับปรุงยกระบบ เช่น ปรับเซ็ทโช๊คอัพ และสปริงให้แข็งขึ้น เปลี่ยนไปใช้เหล็กกันโคงขนาดใหญ่ขึ้น ติดตั้งซับเฟรมเพื่อความแข็งแกร่ง ใส่ล้ออัลลอยด์ AMG ลายก้านคู่สีเทา Titanium Grey ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางซีรี่ส์ 235/40 มาเป็นมาตรฐาน ควบคุมเฉียบคมด้วยชุดพวงมาลัย AMG Speed-Sensitive Sports อัตราทด 14.5:1 และชุดเบรกสมรรถนะสูง AMG High-Performance Braking System ที่อัพเกรดขนาดจานหน้าเป็น 350 x 32 มม. ด้านหลัง 330 x 22 มม.

จากเทคโนโลยีความแรงสู่ความโดดเด่นของรูปลักษณ์ที่สร้างสรรค์ชึ้นด้วยผลงานของสำนัก AMG เช่นเดียวกัน โดยจะประกอบด้วย กระจังหน้าทรง Twin Blade คาดกลางด้วยเส้นคู่สีเทา Titanium Grey สู่โลโกดาวสามแฉกขนาดใหญ่ตรงกลาง ส่วนด้านหลังเพิ่มความสปอร์ตด้วยชุดกันชนที่มี Diffuser ในตัวรับกับท่อไอเสียโครเมี่ยมทรงเหลี่ยมทั้ง 2 ฝั่ง สำหรับภายในห้องโดยสารสะดุดตากับเบาะนั่งสปอร์ตจาก ARTICO หุ้มด้วยหนัง DINAMICA ผสมผสานกับผ้าไมโครไฟเบอร์เดินด้ายแดงคู่ สะดวกสบายด้วยพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย แผงแดชบอร์ดเร้าใจด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เน้นความเด่นด้วยกรอบช่องแอร์สีดำ-แดงทั้ง 4 ช่อง เข็มขัดนิรภัยสีแดงสด กาบบันได AMG ซึ่งรวมถึงมาตรวัดสุดเร้าใจสไตล์ AMG ที่มากับฟังค์ชั่น Racetimer อีกด้วย