วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ที่ปัดน้ำฝน กับปัญหาที่แก้ไม่จบ ยามหน้าฝน


ฝนตกรถติดช่วงนี้ คงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ที่ไม่มีรถอย่างมากทีเดียว เพราะกะเวลาฟ้าฝนไม่ค่อยได้ บางวันเลิกงานปุ๊บ ฝนตกปั๊บ กว่าจะหารถกลับบ้านกันได้ ก็ลำบากเหลือเกินใช่ไหมครับ นั่นคือทุกข์ของคนไม่ได้ใช้รถ แล้วคนที่มีรถล่ะ ก็มีทุกข์เหมือนกัน แต่จะทุกข์คนละแบบกัน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมรถที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นอีกเท่าตัว ทัศนวิสัยที่ลดลง และอีกหลายๆ อย่าง แต่มีสิ่งนึงที่เป็นสิ่งละอันพันละน้อย ที่ไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ “ที่ปัดน้ำฝน” คนที่มีรถต้องเคยมีปัญหาเรื่องที่ปัดน้ำฝนกันบ้างไม่มากก็น้อยใช่ไหมล่ะ เคยไหมที่บางครั้ง ฝนยังตกไม่หนักเท่าไหร่ แต่เม็ดฝนก็บดบังทัศนียภาพให้ต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนกัน แต่เสียงที่ปัดน้ำฝนก็ดังเอี๊ยดอ๊าดเกินใจจะอดทนเสียเหลือเกิน

ที่ปัดน้ำฝน


ที่ปัดน้ำฝน

ทำไมจึงเกิดเสียงดัง สาเหตุคืออะไร
1.เกิดจากการที่ตัวยางของที่ ปัด น้ำ ฝน รถยนต์กับกระจกรถมีความฝืด  จึงทำให้เกิดเสียงดัง การใช้น้ำยาเคลือบกระจกแบบทำให้น้ำฝนไม่เกาะกระจก จะยิ่งทำให้กระจกหน้าฝืดมากขึ้น ควรใช้น้ำยาเคลือบกระจก โดยเว้นบริเวณกระจกบานหน้า จะดีกว่า
2.ยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ทำให้เนื้อยางแข็งขึ้น  เกิดแรงกดระหว่างยางกับกระจกมากเกินไป ทำให้เกิดเสียงดังขึ้น  ซึ่งการยกก้านที่ปัดน้ำฝนขึ้นขณะจอด โดยหวังว่าจะช่วยรักษายางปัดน้ำฝน นั้น ที่จริงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะครับ แต่กลับส่งผลให้ สปริง ที่ก้านปัดน้ำฝน  เสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกต่างหาก ทำให้ระยะยาวของแรงสปริง ไม่แน่นพอที่จะกดก้าน ดังนั้นเมื่อเราขับเร็วๆ ก้านจะเกิดอาการลอย และปัดได้ไม่สะอาด

เรามาลองหาวิธีแก้ปัญหากัน
วิธีที่ 1  หากจะขัดกระจกด้วยน้ำยาเคลือบรถ แนะนำว่าควรใช้ carnauba wax ที่เราใช้ในการเคลือบสีรถนั่นแหละครับ มีให้เลือกสรรทั้งราคาแพงและถูก ก็ใช้ได้หมด หาซื้อได้ตามร้านค้าที่เกี่ยวกับรถยนต์ทั่วไป  ที่ผมแนะนำ carnauba wax นั้น เพราะว่า เจ้า carnauba wax  เป็นแว๊กซ์ชนิดแข็งที่เหมาะกับการเคลือบพื้นผิว ช่วยให้กระจกมีแรงตึงผิวน้อยลง ลดอาการเสียงดังที่เกิดขึ้น

สำหรับ การใช้ carnauba wax เคลือบกระจกนั้น  นอกจากจะช่วยให้ผิวกระจกลื่นดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติพิเศษ น้ำไม่เกาะและกระจกไม่เป็นฝ้าด้วยครับ ถ้าเราวิ่ง 40-60 กม./ชม. น้ำจะปลิวออกด้านข้างเลย แถมยังทนน้ำกว่าผลิตภัณฑ์เคลือบกระจกชนิดอื่นด้วย แถมดีตรงที่เคลือบครั้งหนึ่ง อยู่ได้เป็นเดือนอีกด้วย  ซึ่งจะต่างจากน้ำยาเคลือบกระจกแบบน้ำ ซึ่งโดนน้ำทีเดียว น้ำยาก็หายไปซะแล้ว แต่เจ้า carnauba wax  ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเท่านั้น ข้อเสียก็มี นั่นคือ ขัดลำบากกว่าน้ำยาเคลือบกระจกชนิดอื่นๆ นั่นเอง แถมราคายังแพงอีกด้วย จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไหร่


วิธีที่ 2  คือ การเปลี่ยนก้านปัดน้ำฝน ซึ่งการเปลี่ยนก้านปัดน้ำฝนนั้น  ต้องคำนึงถึงเรื่องสภาพกระจกด้วย เหล่าผู้ผลิตยางปัดน้ำฝน ได้อธิบายไว้ว่า ยางปัดน้ำฝน ไม่ได้แนบกับผิวกระจกโดยตรง แต่วิ่งอยู่บนฟิล์มเคลือบผิว  ซึ่งอาจจะมีทั้งสารหล่อลื่น และน้ำยาเคลือบผิวกระจก ดั้งนั้น หากเราอยู่ในภาวะที่มีน้ำเยอะ หรือฝนตก ทำให้เกิดฟิล์มน้ำขึ้นมาระหว่างยางปัดน้ำฝนกับกระจก หากไม่มีฟิล์ม ที่ว่ามานี้   ยางปัดน้ำฝนก็จะโดนกับผิวกระจกโดยตรง งทำให้เกิดเสียงดังขึ้น เป็นเรื่องปรกติ  ซึ่งมันก็ค่อนข้างจะน่ารำคาญสำหรับผู้ขับ

หากคุณต้องการเปลี่ยนก้านปัดน้ำฝน ก็ต้องเลือกทั้งยางและก้านที่มีขนาดและชนิดเข้ากันกับกระจกได้เป็นอย่างดี  ไม่ใช่แค่ความยาว เท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึง ความโค้งของกระจกด้วย ซึ่งยางและที่ปัดน้ำฝนที่ขายตามห้าง อาจไม่เป๊ะตรงกับรถของคุณ ดังนั้น ลองเปลี่ยนแต่ยางก็ได้นะ แค่เลือกประเภทของยางให้เหมาะสมกับกระจก แค่นี้ก็ได้ที่ปัดน้ำฝนราคาย่อมเยาว์แล้ว

ที่ปัดน้ำฝน


วิธีที่ 3 ลองเติมน้ำยาเช็ดกระจก ประมาณ 1/2 ฝาลงในหม้อพักน้ำ แต่ไม่ควรใช้น้ำยาล้างจาน พวกซันไลต์ล่ะ  เพราะน้ำยาล้างจานพวกนี้ จะมีสารเคมีต่างๆ ช่วยเรื่องกลิ่น และถนอมมือ ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับการนำมาใช้  แต่หากจะใช้จริงๆ  แนะนำว่าให้ใช้ ทีโพล รุ่นธรรมดา Original  เพราะไม่มีสารเคมีใดๆ เจือปน  (ไม่ได้โฆษณาให้นะ อย่าเข้าใจผิด) และข้อควรระวังที่ต้องเช็คให้ดีๆ ก่อนเติมลงหม้อพักน้ำก็คือ  ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกที่มีส่วนผสมแอมโมเนียโดยเด็ดขาด เพราะมันจะกัดทุกอย่างที่เป็นยาง  สบู่ก็ห้ามใช้เช่นกัน เพราะมันจะเป็นไข แล้วไปอุดตันได้ ยิ่งทำให้ฝืดและปัดไม่ได้กันเลยทีเดียว ถ้าไม่อยากเสียเงินซ่อมรถก็อย่าไปลองเชียว

ข้อแนะนำเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ในการลดเสียงดังที่เกิดขึ้นจากที่ปัดน้ำฝน ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลรักษารถของเจ้าของรถอีกด้วย เพราะตอนเราใช้งานนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำฝน หรือ น้ำโคลนที่มาเกาะกระจก อาจจะมีพวกสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อยางปัดน้ำฝนติดมาได้  ถ้าปล่อยให้มันเกาะค้างคาเอาไว้ ก็จะทำให้ยางเกิดการเสื่อมสภาพได้ ซึ่ง ราคาที่ปัดน้ำฝน ก็ไม่ได้ถูกๆ คงไม่อยากเปลี่ยนกันบ่อยๆอย่างแน่นอน

ดังนั้น ควรทำความสะอาดยางปัดน้ำฝน กันบ้าง วิธีการก็ไม่ยาก แค่ใช้ผ้านุ่ม ชุบน้ำ แล้วบิดพอหมาด เช็ดรูดไปตามความยาวของยางใบปัด หากช่วงไหนที่ไม่ค่อยได้ใช้งานที่ปัดน้ำฝนเลย ก็ต้องทำความสะอาดด้วยทุกครั้ง ที่มีการล้างรถ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ไม่ควรใช้ผงซักฟอกผสมน้ำ ทำความสะอาดอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้ยางเสื่อมสภาพแล้ว ยังทำให้สีรถเสียหายได้อีกด้วย

เพียงเท่านี้เสียงดังจากที่ปัดน้ำฝน ก็จะไม่มารบกวนการขับอีกแล้ว แถมยังจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ของ ที่ปัดน้ำฝน ให้อยู่คู่กับรถของคุณอีกด้วย


ข่าวแนะนำ

เปิดตัวแล้ว เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที สปีด ยนตรกรรมหรูจากอังกฤษ
“วิเชียร” แห่ง บางจาก ฯ ลั่น นำพา บางจากปิโตรเลียม เติบโตอย่างยั่งยืน
รถ รุ่น ใหม่ Skoda Octavia