สำหรับขุมพลังนั้น Mini Paceman John Cooper Works เป็นเครื่องยนต์เจนเนอเรชั่นล่าสุด ความจุ 1.6 ลิตร 4 สูบ Turbocharged ที่มาพร้อมกับการอัพเกรดความแข็งแกร่งของลูกสูบขึ้น ลดน้ำหนักให้เบาลง เพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบหล่อเย็น ปรับปรุงระบบไอดี ไอเสียใหม่ รวมถึงเทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยตัวเทอร์โบชาร์จแบบ Twin-Scroll จะทำงานร่วมกับหัวฉีดแรงดันสูง Direct Injection และระบบวาล์วแปรผัน VALVETRONIC ซึ่งให้พละกำลังสูงสุดได้ถึง 218 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 280 รอบต่อนาที ตั้งแต่ 1,900 ไปจนถึง 5,000 รอบต่อนาที โดยในฟังค์ชั่น Overboost นั้นสามารถเพิ่มระดับระดับแรงบิดขึ้นเป็น 300 นิวตันเมตรได้ในช่วงตั้งแต่ 2,100 ถึง 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เป็นมาตรฐาน แต่ถ้ารักความสบายก็มีออพชั่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Paddle Shift พลังพวงมาลัยสไตล์เกียร์ธรรมดามาให้เสียเงินเพิ่ม
ขับเคลื่อนด้วยระบบ 4 ล้อ ALL4 ที่มาพร้อมระบบล็อคเฟืองท้ายแบบแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Centre Differential) สำหรับการกระจายแรงบิด ปิดท้ายด้วยสมรรถนะสุดเร้าใจ โดยในรุ่นเกียร์ธรรมดา จะมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6.9 วินาที ทะลุไปที่ความเร็วสูงสุด 226 กม./ชม. ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติจะอยู่ที่ 224 กม./ชม. นอกจากนี้ Mini Paceman John Cooper Works ยังได้เพิ่มเทคโนโลยี Brake Energy Regeneration และระบบ Auto Start/Stop function มาให้เพื่อลดการสูญเยพลังงาน และน้ำมันโดยเปล่าประโยชน์ ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองดีขึ้น โดยผลการทดสอบของ EU Test นั้นออกมาว่ารุ่นเกียร์ธรรมดานั้นทำได้ที่ 7.4 ลิตร/100 กม. รุ่นเกียร์อัตโนมัติ 7.9 ลิตร / 100 กม. พร้อมด้วยความสะอาดที่มาขึ้นในระดับ 172 กรัม/กม. ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 184 กรัม/กม. ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
ส่วนระบบช่วงล่างยังคงเซ็ทมาให้เน้นการขับสนุก บนพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบ Central-Arm พร้อมด้วยชุดสปริง และ Damper ที่แข็งขึ้น เปลี่ยนไปใช้เหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ปรับลดความสูงลง 10 มม. เซ็ทอัพระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าให้เฉียบคมขึ้น รวมถึงการอัพเกรดระบบเบรกใหม่ ที่มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพ DSC (Dynamic Stability Control) และระบบ DTC (Dynamic Traction Control) ที่ Mini Paceman John Cooper Works ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน
